หุ้น D ปิดเทรดวันแรกที่ 8.70 บาท เพิ่มขึ้น 2.70 บาท (+45%) จากราคาขาย IPO ที่ 6.00 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 1,766.07 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 8.50 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 9.15 บาท และราคาทำระดับต่ำสุด 8.50 บาท
บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เดนทัล คอร์ปอเรชั่น (D) ให้ราคาเป้าหมาย 9.50 บาท (อิงจาก P/E ของหุ้นที่กลุ่มโรงพยาบาลที่เทรดราว 35 เท่า) โดยจุดเด่นคือ คาดกำไรเติบโตเฉลี่ยปีละ 27% ในช่วงปี 2560-2562 สูงกว่ากลุ่มโรงพยาบาลขนาดเล็กด้วยกันที่โตเฉลี่ย 20-26%
จุดแข็งในธุรกิจมาจาก 1) บริษัทเป็นผู้นำด้านทันตกรรมแบบครบวงจร ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องตามเทรนด์การแพทย์ 2) บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากลูกค้าต่างชาติสูงกว่าครึ่ง ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้า high margin เพราะเป็นการให้บริการแบบเฉพาะ เช่น ทันตกรรมรากฟันเทียม ทันตกรรมประดิษฐ์ เป็นต้น จึงทำให้การปรับราคาสามารถทำได้ไม่ยากและอัตรากำไรมีแนวโน้มที่สูงขึ้น 3) โอกาสขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทตั้งเป้าเปิดสาขาเพิ่มปีละประมาณ 3-4 สาขา จากปัจจุบันที่บริษัทมี 12 สาขา รวม 64 ห้องตรวจ
ทั้งนี้ มองบริษัทเทียบเคียงกับบมจ.โรงพยาบาลราชพฤกษ์ (RPH) ที่มีขนาดประมาณ 55 เตียง และกำไรราว 60-70 ล้านบาท/ปี ซึ่งหุ้นเทรดบน P/E ราว 40 เท่า คาด D ซึ่งมีจำนวนเตียงและกำไรที่ใกล้เคียงกัน นับว่าราคาหุ้นมีส่วนลดที่จูงใจ และมีโอกาส Re-Rate valuation ขึ้นไปเทียบเท่าได้
ทพ. พรศักดิ์ ตันตาปกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร D กล่าวว่า พอใจกับราคาหุ้นที่เทรดวันนี้ ซึ่งถือเป็นการสะท้อนความเชื่อมั่นจากนักลงทุนที่มีต่อธุรกิจและแผนการดำเนินงานในอนาคตของบริษัทฯ โดยเตรียมนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปขยายสาขาโดยจะพิจารณาเน้นเลือกในทำเลที่มีศักยภาพที่โดดเด่นและมีกำลังซื้อจริงเท่านั้น อีกส่วนจะนำไปใช้ชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ
ด้านนายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (ASP) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ D กล่าวว่า หุ้น D เปิดทำการซื้อขายวันแรกเป็นไปอย่างน่าประทับใจ ซึ่งเป็นผลมาจากการกำหนดราคาไอพีโอที่เหมาะสม และที่สำคัญคือ นักลงทุนให้ความเชื่อมั่นต่อธุรกิจของ D ที่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง รวมถึงศักยภาพการเติบโตในอนาคต
"เหตุผลสำคัญที่สนับสนุนให้ราคาหุ้น D ได้รับการตอบรับที่ดีและยืนเหนือราคาจองได้ในวันนี้ มาจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ประกอบกับแนวโน้มผลการดำเนินงานที่สามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง ดังนั้น จึงมั่นใจได้ว่าหุ้น D จะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่สามารถครองใจนักลงทุนได้อย่างมั่นคง"นายก้องเกียรติ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง โดยในปี 57-59 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 408.26 ล้านบาท 418.56 ล้านบาท และ 446.52 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ในปี 57-59 เท่ากับ 25.59 ล้านบาท 12.31 ล้านบาท และ 42.52 ล้านบาท ทั้งนี้ อัตรากำไรสุทธิในปี 58 ลดลงเมื่อเทียบจากปี 2557 เนื่องจากในปีดังกล่าวมีการเพิ่มจำนวนพนักงานรวมถึงมีการปรับเพิ่มเงินเดือนให้กับพนักงาน และมีการทำโฆษณาผ่านการตลาดออนไลน์ที่มากขึ้น