(เพิ่มเติม) BTS คาดรายได้พุ่งอย่างน้อย 3 เท่าในอีก 4 ปี จากราว 8 พันลบ.ในงวดปี 59/60 หลังมีระยะทางเดินรถไฟฟ้าเพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 3, 2017 17:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เปิดเผยในที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2560 โดยคาดว่าธุรกิจรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก ในช่วง 4 ปีข้างหน้าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 3 เท่าจากงวดปี 59/60 (เม.ย.59-มี.ค.60) ที่คาดว่าจะทำได้ราว 8,000 ล้านบาท เนื่องจาก BTS จะได้เดินรถไฟฟ้าเพิ่มเป็นประมาณ 141 กิโลเมตร (กม.) ซึ่งจะทำให้มีจำนวนผู้โดยสารในระบบของ BTS เพิ่มมาเป็นใกล้ระดับ 2 ล้านเที่ยวคน/วัน จากปัจจุบันที่เดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวเส้นหลักมีระยะทาง 23.5 กม. และส่วนต่อขยายสายสีเขียวสถานีสะพานตากสิน- สถานีบางหว้า ระยะทาง 12.5 กม.

ทั้งนี้ เส้นทางเดินรถที่เพิ่มเข้ามา ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ระยะทาง 12.8 กม. และช่วงหมอชิต- สะพานใหม่-คูคต ระยะทาง 18.4 กม. , รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กม. ,รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ระยะทาง 30.4 กม. , รถไฟฟ้าสายสีทอง ช่วงสถานีกรุงธนบุรี-ประชาธิปก ระยะทาง 1.7 กม. และรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน ช่วงบางหว้า-ตลิ่งชัน ระยะทาง 7 กม.

"ผมมั่นใจว่าอีก 4 ปีข้างหน้าหลังก่อสร้างเราจะเดินรถเพิ่มเป็น 141 กม. ทุกสายที่เปิดประมูลเราจะเข้าไปประมูลทุกสาย เรามีความรู้ความสามารถ เรื่องของเงินทุน เรามีพร้อม...ธุรกิจรถไฟฟ้าจะมีการเติบโตก้าวกระโดดอย่างมีนัยสำคัญทั้งรายได้และโครงสร้างธุรกิจ"นายคีรี กล่าว

นายคีรี กล่าวอีกว่า บริษัทยังมองหาการบริหารการเดินรถไฟฟ้าในต่างประเทศด้วย เพราะเป็นช่วงเวลาที่บริษัทมีความพร้อม และมีประสบการณ์ 20 ปี ทำให้มีความชำนาญในการลงทุนและเดินรถไฟฟ้า และรถไฟด้วย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาเข้าลงทุนและเดินรถระบบรถไฟฟ้าในเมืองจีนที่คาดว่าจะให้สัมปทานเดินรถประมาณ 25-30 ปี ซึ่งได้เจรจาเบื้องต้นแล้วจะครอบคลุมใน 40 จังหวัด โดยภายในปีนี้จะได้ความชัดเจนของการเจรจาคาดว่าใช้งบลงทุนระดับหมื่นล้านบาท

"ถึงเวลาแล้วที่เราจะบุกเบิกอย่างจริงจัง เราเข้าไปเมืองจีน ประมาณ 40 จังหวัดที่ต้องการให้เราเข้าไปทำระบบรถไฟฟ้า ผมเข้าไปศึกษาตั้งแต่ปี ค.ศ.1968 คิดว่าการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น (AGM) ในช่วงเดือนก.ค.นี้ น่าจะมีอะไรชัดเจน อย่างไรก็ตาม Priority เราจะลงทุนในไทย"นายคีรี กล่าว

นายคีรี กล่าวอีกว่า นอกเหนือจะลงทุนระบบรถไฟฟ้าในจีนแล้ว บริษัทพร้อมลงทุนระบบขนส่งต่าง ๆ ในจีนด้วย เช่น ทางด่วน ระบบโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโต

สำหรับการลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลืองนั้น นายคีรี ยืนยันว่า BTS ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนเพื่อทำโครงการดังกล่าว เพราะบริษัทมีฐานะการเงินแข็งแรง มีเงินทุนหมุนเวียนดี และยังมีโอกาสขายรายได้ในอนาคตของโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองให้กับกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF) ได้เป็นอันดับแรก นอกจากนี้ บริษัทมีโอกาสในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ BTS ร่วมลงทุนกับบมจ.แสนสิริ (SIRI) โดยปัจจุบันบริษัทมีที่ดินเปล่าในมือมูลค่าราว 3 หมื่นล้านบาทด้วย

ทั้งนี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ระยะทางประมาณ 34.5 กม.มีมูลค่าการลงทุนสุทธิประมาณ 46,314 ล้านบาท (ไม่รวมค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน) โดยการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะให้เงินสนับสนุนงานโยธาไม่เกิน 20,135 ล้านบาท มีจำนวนขบวนรถโดยสารประมาณ 42 คัน มีสถานีทั้งหมด 30 แห่ง เริ่มจากบริเวณศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อกับแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีม่วง (ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่) ผ่านแยกหลักสี่ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อกับระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง (Airport Rail Link) ผ่านวงเวียนอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ โดยมีสถานีวัดพระศรีมหาธาตุเป็นสถานีเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม (ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่) จนสุดเส้นทางบริเวณแยกมีนบุรี ซึ่งเป็นสถานีเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ช่วงบางกะปิ-มีนบุรี)

ส่วนต่อขยายสายสีชมพูมีระยะทางประมาณ 2.8 กม.จะแยกออกจากเส้นทางสายหลักที่สถานีศรีรัชเพื่อเชื่อมต่อสถานีแรกที่บริเวณอาคารอิแพ็คชาเลนเจอร์และสถานีที่สองบริเวณริมทะเลสาบในเมืองทองธานีมูลค่าลงทุนประมาณ 2.5 พันล้านบาท โดยบริษัทร่วมทุน จะได้รับเงินสนับสนุนค่าก่อสร้าง 1,250 ล้านบาทจากบมจ.บางกอกแลนด์ (BLAND)

ทั้งนี้ บริษัท แคปปิตอล พลัส แอดไวซอรี่ จำกัด ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ประเมินการลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (รวมส่วนต่อขยาย) ในกรณีฐาน (Base case) สามารถให้ผลตอบแทนในรูปมูลค่าปัจจุบันของผลตอบแทนสุทธิ (NPV)ประมาณ 4,000 ล้านบาท/ปี ผลตอบแทนภายในโดยเฉลี่ยต่อปี (IRR) ประมาณร้อยละ 7.8 ต่อปี และมีระยะเวลาคืนทุน (Payback Period) ประมาณ 16.8 ปี

สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ระยะทางประมาณ 30.4 กม. มีมูลค่าการลงทุนสุทธิประมาณ 43,654 ล้านบาท (ไม่รวมค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน)จำนวนขบวนรถประมาณ 30 คัน เริ่มจากสถานีลาดพร้าวที่แยกรัชดา-ลาดพร้าวเลี้ยวเข้าถนนศรีนครินทร์ โดยมีจุดเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มที่บริเวณแยกลำสาลีและเชื่อม Airport Rail Link บริเวณทางแยกพระราม 9 ไปตามถนนศรีนครินทร์ผ่านแยกพัฒนาการ แยกศรีนุช แยกอุดมสุข แยกศรีเอี่ยม จนถึงแยกศรีเทพา จากนั้นจะเบนไปทางทิศตะวันตกแนวถนนเทพารักษ์ผ่านจุดเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ) และสิ้นสุดบริเวณสถานีสำโรง

ส่วนต่อขยายสายสีเหลือง มีระยะทางประมาณ 2.6 กม.มีมูลค่าลงทุนประมาณ 3,000 ล้านบาท มีเส้นทางไปตามถนนรัชดาภิเษกไปสิ้นสุดบริเวณแยกรัชโยธินซึ่งจะเชื่อต่อกับสถานี N10 (บริเวณปากซอยพหลโยธิน24) ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต

ทั้งนี้ ที่ปรึกษาการเงินอิสระประเมินการลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (รวมส่วนต่อขยาย) ในกรณีฐาน (Base case) สามารถให้ผลตอบแทนในรูป NPV ประมาณ 4,853 ล้านบาท/ปี หรือ IRR ประมาณร้อยละ 8.1 ต่อปี มีระยะเวลาคืนทุน ประมาณ 14.3 ปี

ด้านนายนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการบริหาร ของ BTS กล่าวว่า ประมาณการเงินลงทุนสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) รวมส่วนต่อขยาย จะมีมูลค่าประมาณ 47,314 ล้านบาท ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) รวมส่วนต่อขยาย มูลค่าลงทุนประมาณ 46,404 ล้านบาท ซึ่ง BTS จะลงทุนตามสัดส่วนถือหุ้น 75% ในบริษัทร่วมทุน 1 และบริษัท 2 รวมประมาณ 21,000-25,000 ล้านบาท ส่วนเงินกู้ที่บริษัทร่วมทุน 1 และบริษัทร่วมทุน 2 จะใช้วงเงินรวม ประมาณ 67,000 ล้านบาท ขณะที่รถไฟฟ้าสายสีชมพูหากได้ทำส่วนต่อขยาย ทาง BLAND จะช่วยเงินลงทุน 1,250 ล้านบาท

อนึ่ง ผู้ร่วมทุนอีก 2 รายในโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง ได้แก่ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC) ถือหุ้น 15% และบมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) ถือหุ้น 10%

ทั้งนี้ การเจรจากับ รฟม.เสร็จสิ้นลงแล้ว คาดว่าต้นเดือน พ.ค.60 จะมีการลงนามสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ที่มีระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี 3 เดือน (ปี 60-63) และสัญญาสัมปทานเดินรถ 30 ปี (ปี 64-93)

นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า การได้รับสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง จะช่วยทำให้บริษัทดำเนินธุรกิจไปได้ถึงปี 93 รวมทั้งเพิ่มแหล่งรายได้ พร้อมทั้งเพิ่มปริมาณผู้โดยสารที่จะสร้างรายได้แก่รถไฟฟ้าสายสีเขียว และสนับสนุนธุรกิจอื่นของกลุ่มบริษัท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ