โบรกฯเชียร์"ซื้อ"KBANK คาดผลงาน Q1/59 ฟื้นหลังตั้งสำรองฯ-ค่าใช้จ่ายลดลง,เล็งรับผลบวกดอกเบี้ยขาขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 4, 2017 15:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ ส่วนใหญ่เชียร์"ซื้อ"หุ้นธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เล็งผลประกอบการงวดไตรมาส 1/60 ฟื้นจากการตั้งสำรองฯและค่าใช้จ่ายการดำเนินงานลดลง ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล ขณะที่คาดว่าสินเชื่อจะเติบโตราว 6% YoY และจะเติบโต 1-1.5% QoQ พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 1/60 ในช่วง 10,000-11,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/59 ที่มีกำไรสุทธิ 9,600 ล้านบาท

นอกจากนี้ KBANK จัดว่าได้ประโยชน์มากสุดจากวงจรขาขึ้นของสินเชื่อและอัตราดอกเบี้ย เพราะมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) สูงสุดในกลุ่มธนาคาร และมีสินเชื่อภาคธุรกิจมากถึง 70%

อย่างไรก็ตาม ทั้งปีนี้ KBANK อาจจะต้องตั้งสำรองฯสูงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องจากยังมีความเสี่ยงจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ดังนั้น จึงคาดกำไรปีนี้จะเติบโตแค่ 1% โดย NPL Ratio ปี 60 คาดว่าจะทรงตัวจากปีที่แล้วที่อยู่ในระดับ 3.3%

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 60 ในช่วง 4.07-4.14 หมื่นล้านบาท เติบโต 1-2% จากปี 59 ที่มีกำไรสุทธิ 40,100 ล้านบาท สินเชื่อปีนี้คาดว่าจะเติบโตราว 5-6% อย่างไรก็ดี คงจะต้องรอดูปลายปีอีกครั้งว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้มากหรือน้อยเพียงใด

หุ้น KBANK ปิดเที่ยงวันนี้ที่ 190.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวานนี้ ขณะที่ SET Index เพิ่มขึ้น +0.5%

          โบรกเกอร์                คำแนะนำ              ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          ฟินันเซีย ไซรัส               ซื้อ                      240
          เอเชีย เวลท์                ซื้อ                      217
          อาร์เอชบี (ประเทศไทย)       ซื้อ                      203
          ฟิลลิป (ประเทศไทย)          ทยอยซื้อ                  194
          ทิสโก้                      ถือ                      177

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปีนี้ KBANK อาจจะต้องตั้งสำรองฯที่สูงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องจากยังมีความเสี่ยง NPL อยู่บ้าง ดังนั้นจึงคาดกำไรปีนี้จะโตแค่ 1% การฟื้นตัวที่ชัดเจนยังไม่เห็นในขณะนี้

แต่หากมองที่ผลประกอบการงวดไตรมาส 1/60 จะเห็นการฟื้นตัวขึ้นจากการตั้งสำรองฯลดลงจากไตรมาส 1/59 ที่มีการตั้งสำรองฯค่อนข้างสูง และมาลดลงในไตรมาส 4/59 ขณะที่สินเชื่อคาดว่าจะเติบโตได้ราว 6% จากไตรมาส 1/59 และจะเติบโต 1-1.5% เทียบกับไตรมาส 4/59 โดยคาดการณ์กำไรสุทธิในไตรมาส 1/60 ที่ 10,000-11,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/59 ที่มีกำไรสุทธิ 9,600 ล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากรายได้ดอกเบี้ยสูงขึ้น

สำหรับ NPL Ratio ปี 60 คาดว่าจะทรงตัวจากปีที่แล้วที่อยู่ในระดับ 3.3% ซึ่งปีนี้ทาง KBANK ก็มองไว้เท่านี้ แต่ฝ่ายวิจัยฯ คาดไว้ในระดับ 3.4%

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 60 ไว้ที่ 40,700 ล้านบาท เติบโต 1-2% จากปี 59 ที่มีกำไรสุทธิ 40,100 ล้านบาท โดยคาดการณ์สินเชื่อปีนี้จะเติบโตราว 6% อย่างไรก็ดี คงจะต้องรอดูสถานการณ์ปลายปีอีกครั้ง

ส่วน บล.ฟินันเซีย ไซรัส จัดให้ KBANK เป็น 1 ใน 2 หุ้นเด่นในกลุ่มธนาคาร ชอบ KBANK เพราะได้ประโยชน์มากสุดจากวงจรขาขึ้นของสินเชื่อ และอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น เพราะมี NIM สูงสุดและมีสินเชื่อภาคธุรกิจมากถึง 70% โดยคาดกำไรไตรมาส 1/60 จะเติบโต 6% เทียบกับไตรมาส 4/59 และเติบโต 12% เทียบกับไตรมาส 1/59 อีกทั้งปัจจุบันมี PBV 1.3 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 1.65 เท่า

ทั้งนี้ คาดว่า KBANK จะมีกำไรสุทธิไตรมาส 1/60 ราว 1.08 หมื่นล้านบาท เติบโต 6% เทียบกับไตรมาสก่อนและเติบโต 12% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกำไรที่คาดว่าจะเติบโตขึ้นจากไตรมาสก่อนมาจากค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานที่ลดลง 10%Q-Q เป็นไปตามฤดูกาลที่ค่าใช้จ่ายจะชะลอตัวลงในช่วงแรกของปี โดยคาดการณ์ Cost to income ratio ลดลงมาอยู่ที่ 41% จาก 46% ในไตรมาสก่อนหน้า

ส่วนกำไรที่คาดว่าจะเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เกิดจากคาดการณ์การตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญลดลง 29% จาก 1.13 หมื่นล้านบาท (Credit cost 2.8%) มาเป็น 8 พันลบ. (Credit cost 2%) โดยคาดว่า KBANK จะรักษาส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยไว้ได้ในระดับสูงที่ 3.5-3.6% เนื่องจากฐานเงินฝากที่เพื่มขึ้นมาราว 1.5% จากไตรมาสก่อน ส่วนใหญ่เป็นฐานเงินฝากออมทรัพย์ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ ขณะที่เงินให้สินเชื่อเพื่มขึ้นใกล้เคียงกัน

พร้อมคงประมาณการกำไรสุทธิปี 60 ที่ 4.14 หมื่นล้านบาท เติบโต 3% โดยมีสมมติฐานการเติบโตของสินเชื่อที่ 6% (ปี 59 ทำได้ 5.5% และเป้าหมายปี 60 อยู่ที่ 4-6%), NIM คาดการณ์ที่ 3.48% ชะลอลงเล็กน้อยจาก 3.52% ในปีก่อน แต่ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ 3.3-3.5%, คาดการณ์ Cost to income ratio ลงเป็น 43% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของธนาคารอยู่ที่ราว 45% ในปีนี้ KBANK มีความตั้งใจในการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยให้เข้มงวดยิ่งขึ้น, คาดการณ์ Credit cost ที่ 2% ใกล้เคียงกับปีก่อนแต่เป็นเป้าหมายด้านล่างของเป้าหมายธนาคารที่ 2-2.22% เพราะคาดว่าคุณภาพหนี้ที่ควบคุมได้ดีขึ้น

ด้าน บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ทยอยซื้อ"หุ้น KBANK คาดว่า NPL ปี 60 จะอยู่ในช่วง 3.3-3.4% การตั้งสำรองในปี 60 จะยังคงสูง โดยจะตั้งประมาณ 2-2.25% ของสินเชื่อรวม จากปี 59 ที่มีการตั้ง 1.97% ทั้งนี้ เพื่อรองรับความไม่แน่นอนในอนาคต นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มสัดส่วนสำรองต่อ NPL ให้เพียงพอกับกฎเกณฑ์ใหม่ ๆ ด้วย

พร้อมปรับประมาณการกำไรปี 60 ของ KBANK ขึ้น 3.9% เป็น 42.4 พันล้านบาท จากเดิมที่คาดไว้ที่ 40.2 พันล้านบาท จากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ที่ KBANK สามารถลดระดับลงได้ดีกว่าที่คาดไว้เดิม

ขณะที่นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ คาดว่า งวดไตรมาส 1/60 KBANK จะมีกำไรสุทธิ 10,518 ล้านบาท เติบโต 9% จากไตรมาส 1/59 และเติบโต 3% จากไตรมาส 4/59 ซึ่งในแง่ของการเติบโตถือว่าด้อยกว่าแบงก์อื่น โดยคาดว่าผลประกอบการกลุ่มแบงก์ไตรมาส 1/60 จะเติบโตเฉลี่ย 12% เทียบกีบไตรมาส 1/59 ทั้งนี้มาจากการตั้งสำรองฯที่ลดลง และในแง่สินเชื่อในไตรมาส 1/60 เติบโตไม่มาก เนื่องจาก KBANK ระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ ในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอ เพราะเป็นห่วงเรื่อง NPL

ส่วนทั้งปี 60 คาดว่า KBANK จะมีกำไรสุทธิ 41,106 ล้านบาท เติบโต 2% จากปี 59 ถือว่าทรงตัว ส่วนสินเชื่อในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 5%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ