นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจรายย่อย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) เปิดเผยว่า สายธุรกิจรายย่อยตั้งเป้าหมายสร้างรายได้ในปี 60 เติบโต 15% จากปีก่อน โดยยึดประโยชน์ของลูกค้าเป็นที่ตั้งด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ลงทุนผลตอบแทนสูง เป็นแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ เพื่อก้าวให้ทันกับความต้องการลูกค้าที่เปลี่ยนไป และให้ลูกค้าเข้าถึงบริการทางการเงินด้วยความสะดวก ง่าย และ เร็ว
สำหรับยุทธศาสตร์หลักของสินเชื่อรายย่อยปีนี้ คือ การบุกช่องทางขายออนไลน์เพิ่มขึ้น หลังดำเนินการมาระยะหนึ่งพบว่าอัตราการสมัครจนถึงขั้นตอนอนุมัติสินเชื่อผ่านช่องทางออนไลน์สูงกว่า ช่องทางอื่นๆ ได้แก่ direct sale, telesales และสาขา ถึง 30-40% ขณะเดียวกัน ธนาคารพัฒนาช่องทางสร้างความสะดวกสบาย ง่าย และเร็ว ผ่านนวัตกรรมการให้บริการมาอย่างต่อเนื่อง ทั้ง DSE Beat Banking ขณะที่ลูกค้า Wealth จะได้รับความสะดวกสบายผ่านสาขาที่ได้รับการปรับปรุงให้มีพื้นที่รองรับการให้คำปรึกษา
นายอดิศร เปิดเผยว่า ธนาคารสร้างผลตอบแทนที่ลูกค้าพึงพอใจด้วยผลิตภัณฑ์เพื่อการออมและการลงทุน (Wealth) ที่หลากหลาย ง่ายไปจนถึงซับซ้อน ตอบความต้องการลูกค้า และทันกับภาวะตลาด ช่วงที่ตลาดผันผวนลูกค้าไม่กล้าลงทุนกับการลงทุนบางประเภท ธนาคารก็พร้อมนำเสนอการลงทุนประเภทอื่นเป็นทางเลือก กองทุน หุ้นกู้ และหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงอ้างอิงกับหลักทรัพย์หลายประเภท เงินฝากอัตราดอกเบี้ยสูง
ด้านผลิตภัณฑ์สินเชื่อ ธนาคารเสนอแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำกว่าอัตราตลาดให้ลูกค้าสินเชื่อได้สำเร็จ เพราะธนาคารไม่คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบเหมาเข่ง การจัดกลุ่มลูกค้าตามความเสี่ยง (risk base pricing) ทำให้ลูกค้าคุณภาพไม่ต้องแบกรับต้นทุนที่ไม่คู่ควร สุดท้าย credit cost โดยรวมจึงค่อยๆขยับลดลงมา และเมื่อคุณภาพของลูกหนี้ในพอร์ตสินเชื่อดีขึ้น โดยภาพรวมธุรกิจสินเชื่อรายย่อยจึงกลับมามีกำไร และเป็นรายได้หลักของธุรกิจสินเชื่อรายย่อยของธนาคาร
ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมา สายธุรกิจรายย่อยประสบความสำเร็จในการเข้าถึงลูกค้า ทั้งลูกค้า Wealth และลูกค้าสินเชื่อ โดยสามารถสร้างผลตอบแทนที่สูงมากให้ลูกค้า Wealth ส่งผลให้ลูกค้าตอบรับเข้ามาใช้บริการและผลิตภัณฑ์ของธนาคาร ขณะเดียวกันยังนำเสนอแหล่งเงินทุนด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมากเทียบกับอัตราตลาด จนทำให้สายธุรกิจรายย่อยก้าวขึ้นมาเป็นสายงานหลักที่สร้างรายได้ให้ธนาคารในปีที่ผ่านมา