นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะทรง ๆ ตัว ถึงซึมได้เล็กน้อย เนื่องจากไทยก็ใกล้ช่วงเทศกาลสงกรานต์ นักลงทุนคงจะอยากที่จะไปเที่ยวก่อนและชะลอการลงทุน ดังนั้น โอกาสที่ดัชนีฯจะปรับตัวขึ้นไปก็ไม่มาก ส่วนการขึ้นเครื่องหมาย XD เพื่อจ่ายปันผลก็ไม่ได้สร้างความกดดันมากแล้ว
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบคละกัน โดยตลาดหุ้นอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ คงจะปรับตัวขึ้นต่อ ซึ่งนอกประเทศเวลานี้นักลงทุนก็ได้ผ่อนคลายสถานการณ์ในซีเรียบ้างแล้ว ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯทรงตัว กระแสเงินก็ไม่ผันผวน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบก็ปรับตัวขึ้นต่อ ทำให้เป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน
พร้อมให้กรอบการแกว่งตัวไว้ที่ 1,579-1,587 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (10 เม.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,658.02 จุด เพิ่มขึ้น 1.92 จุด (+0.01%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,880.93 จุด เพิ่มขึ้น 3.11 จุด (+0.05%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,357.16 จุด เพิ่มขึ้น 1.62 จุด (+0.07%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 80.33 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 3.17 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 18.69 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 1.01 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 4.09 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 1.43 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 0.17 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ ลดลง 1.96 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 เม.ย.60) 1,581.19 จุด ลดลง 2.34 จุด (-0.15%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 122.39 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 เม.ย.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (10 เม.ย.60) ปิดที่ 53.08 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 84 เซนต์ หรือ 1.6%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 เม.ย..60) ที่ 6.42 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.60 จับตาความขัดแย้งสหรัฐ-ซีเรีย,ใกล้หยุดยาว กรอบ 34.55-34.65
- กกร.ห่วงสหรัฐขึ้น "แบล็คลิสต์" ไทยเกินดุลการค้า กระทบสินค้ากลุ่มชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ อาหาร ชิ้นส่วนรถยนต์ อัญมณีเครื่องประดับไทยได้สิทธิจีเอสพี แนะภาครัฐประเมินเชิงลึก เตรียมข้อมูลเจรจาสหรัฐ พาณิชย์เตรียมถก "อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์" รับมือนโยบาย "ทรัมป์" เร่งสรุปมูลค่าลงทุนในไทยจากธุรกิจสหรัฐ หวังใช้เป็นข้อมูลแจงเหตุได้ดุลการค้า ชี้ 18% มาจากบริษัทสหรัฐ
- สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนประจำเดือน เม.ย. ซึ่งมองในอีก 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ 90.33 จุด ปรับลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 และอยู่ในเกณฑ์ทรงตัวเป็นเดือนที่ 2 เช่นกัน โดยลดลง 18.06% จากเดือนก่อนที่ 110.24 จุด
- ผอ.สศค.เผย อนุมัติใบอนุญาตทำธุรกิจพิโก้ไฟแนนซ์แล้ว 20 รายจาก 155 รายที่ยื่นขอมา แต่ยังมีอีก 20 จังหวัดที่ไม่มีผู้ยื่นขออนุญาตซึ่งส่วนใหญ่อยู่ทางภาคใต้ ย้ำ คลังยังจะเดินสายประชาสัมพันธ์ใน 20 จังหวัดนี้ต่อหวังกระตุ้นให้เจ้าหนี้นอกระบบยอมเข้าสู่ระบบ
- รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุม รมว.คลังอาเซียน ครั้งที่ 21 ระหว่างวันที่ 6-7 เม.ย. ที่ประเทศฟิลิปปินส์ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ได้ลงนามในพิธีสารฉบับที่ 2 ว่าด้วยการกำหนดที่ทำการพรมแดน ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้าผ่านแดน ร่วมกับ 6 ประเทศสมาชิกอาเซียน คือ ฟิลิปปินส์ บรูไน ดารุสซาลาม อินโดนีเซีย สปป.ลาว สิงคโปร์ และเวียดนาม
*หุ้นเด่นวันนี้
- MM (บมจ.มัดแมน) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมีราคาขาย IPO ที่ 5.25 บาท/หุ้น ด้านบล.เคทีบี (ประเทศไทย) ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 6.90 บาท คาดปี 2560 เข้าสู่การเติบโตที่แท้จริง
"มัดแมน" เป็นบริษัทย่อยของ บมจ. ทรัพย์ศรีไทย (SST) ที่เล็งเห็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และธุรกิจไลฟ์สไตล์ จึงนำ MM เข้าจดทะเบียนเพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน และเพิ่มขีดความสามารถในการขยายธุรกิจในระยะยาวของ MM รวมถึงสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกลุ่ม SST
- CPF (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 33 บาท แนวโน้มผลประกอบการใน 1Q60 จะยังอ่อนตัวลง QoQ เนื่องจากธุรกิจหมูได้รับผลกระทบจากราคาหมูที่ลดลง ส่วนธุรกิจกุ้งยังเป็นช่วง Low Season บวกกับได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในภาคใต้ ซึ่งกระทบไปถึงธุรกิจอาหารกุ้งด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามเรามองว่าผลประกอบการที่อ่อนตัวเป็นเพียงช่วงสั้น และจะเห็นการฟื้นตัวในระยะถัดไป
- HMPRO (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 12 บาท แนวโน้มกำไร 1Q60 ยังทำได้ดี แม้จะคาดว่า -11.7% Q-Q เพราะฤดูกาล แต่ +34.6% Y-Y จากการเปิดสาขาใหม่ งาน Expo และ Product mix ที่ทำได้ดีจากการเพิ่ม House Brand ชดเชย SSSG ที่ยังติดลบได้ กำไรจะดีต่อเนื่องใน 2Q60 และทำจุดสูงสุดใน 4Q60 โดยคาดกำไรสุทธิทั้งปี +13.3% Y-Y ราคาหุ้นปัจจุบันมี PE 27 เท่า แม้ PEG 2 เท่าจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม แต่อยู่ในค่าเฉลี่ยของ HMPRO เอง
- TU (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 26 บาท ยังคงมองกำไรเติบโต 14-19% ในปี 2560-2562 ธุรกิจมีการดำเนินงานที่ดีขึ้น 1) แซลมอนที่ มีปัญหาจากลานินญ่า เริ่มคลี่คลายและพลิกกลับมาคุ้นทุน 2) Red Robster มี high season ไตรมาส 1 คาดส่งผลกำไร 1Q60 จะโตดี 3) อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 14.8% มาที่ 15.2%-16.1% ในปี 2560-2562 มอง PE ที่ 16x ยังไม่แพง