นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยจะแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1,560-1,590 จุด ในช่วงก่อนหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ แม้จะได้แรงหนุนจาก Fund Flow ต่างชาติที่ไหลเข้าลงทุนต่อเนื่อง รวมถึงราคาน้ำมันที่ขึ้นยืนเหนือ 52 ดอลลาร์/บาร์เรล อย่างไรก็ตามความกังวลเหตุการณ์ไม่สงบในหลายประเทศ รวมถึงแรงขายลดความเสี่ยงก่อนหยุดเทศกาลสงกรานต์จะเป็นแรงกดดันทิศทางดัชนี
ทั้งนี้ แนะนำรอซื้อช่วงอ่อนตัวแบบ Selective Buy ในกลุ่มพลังงาน รับอานิสงส์ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือ 52 ดอลลาร์/บาร์เรล และกลุ่มธนาคารที่คาดว่ากำไรไตรมาส 1/60 มีแนวโน้มเติบโต แนะนำหุ้น ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และ บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO)
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ ของ GBS กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคไทยเดือนมี.ค.อยู่ที่ 76.8 ดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และสูงสุดในรอบ 24 เดือน การที่รัฐบาลยังสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงราคาน้ำมันปรับขึ้นและยืนเหนือ 52 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลสหรัฐยิงจรวดถล่มฐานทัพอากาศซีเรีย และนักลงทุนต่างชาติพลิกเป็น Net Buy ตั้งแต่เดือนมี.ค.ราว 5 พันล้านบาท
ส่วนปัจจัยกดดันมาจากบรรยากาศการซื้อขายมีแนวโน้มซบเซาเนื่องจากเป็นวันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ ประกอบกับความกังวลสหรัฐยิงจรวดถล่มฐานทัพอากาศซีเรีย และสหรัฐเคลื่อนกองเรือรบมุ่งหน้าสู่คาบสมุทรเกาหลี และเหตุการณ์ไม่สงบในหลายประเทศ อาทิ เหตุระเบิดโบสถ์คริสต์ 2 แห่งในอียิปต์ เหตุรถบรรทุกพุ่งชนห้างสรรพสินค้ากลางกรุงสต็อกโฮล์ม ทำให้นักลงทุนกังวลเรื่องก่อการร้ายมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ วันที่ 12 เม.ย. จีนเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนมี.ค. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค. วันที่ 13 เม.ย. สหรัฐ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนเม.ย. และในวันที่ 17-21 เม.ย. หุ้นกลุ่มธนาคารมีกำหนดส่งงบการเงินไรมาส 1/60
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ นักวิเคราะห์การลงทุน ของ GBS กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมามีปัจจัยหนุนราคาทองคำจากบันทึกการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ระบุถึงโอกาสที่เฟดจะปรับลดขนาดงบดุลท่ามกลางภาวะดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯที่สูงเกินปกติเมื่อเทียบกับสถิติในอดีต และเหตุวินาศกรรมในหลายประเทศทั้งในยุโรปและตะวันออกกลาง
แต่การพบปะและพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประธานาธิบดีจีนกับประธานาธิบดีสหรัฐ มีผลลดแรงจูงใจในการถือทองคำลง ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าเนื่องจากสถานภาพที่ดีขึ้นของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ช่วยหนุนการออกนโยบายใหม่และตัวเลขอัตราการว่างงานที่ลดลงเหลือ 4.5% ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 4.7% มากและเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบเกือบ 10 ปี รวมถึงการปรับเพิ่มเพดานหนี้ ให้ผ่านความเห็นชอบของสภาได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นลบต่อราคาทองคำในช่วงที่เหลือของเดือนนี้
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเรื่องความเสี่ยงจากการก่อการร้ายทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นและโอกาสที่สหรัฐ จะเผชิญหน้าโดยตรงกับรัสเซียหรือจีนที่ลดลง มีแนวโน้มจะช่วยหนุนราคาทองคำในระยะกลาง เนื่องจากมีโอกาสที่สหรัฐฯจะเข้าแทรกแซงภูมิภาคต่าง ๆ มากขึ้น ดังนั้น การลดลงของระดับราคาทองคำในช่วงนี้ถือเป็นโอกาสในการซื้อคืนหรือซื้อสะสมเพิ่มเติม แต่คาดการณ์การเคลื่อนไหวในกรอบจำกัดไปอีกสักระยะ เนื่องจากการ breakout ในสัปดาห์ก่อนไม่สามารถยืนที่ระดับ 1,260 ดอลลาร์
โดยปรับกรอบการแกว่งตัวขึ้นเป็น 1,245–1,275 ดอลลาร์ ส่วนเงินบาทที่กลับทิศทางมาอ่อนค่าต่อเนื่องเป็นผลดีต่อราคาทองคำในประเทศ จึงแนะนำให้เล่นรอบในกรอบ sideway ระหว่าง 1,245–1,275 ดอลลาร์ โดยเน้นเล่นฝั่ง long มากกว่า