นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการยกระดับมาตรการการยืนยันตัวบุคคลผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยการสแกนลายนิ้วมือ (ฟิงเกอร์ พริ้น) ว่า ขณะนี้กสทช. อยู่ระหว่างเตรียมขั้นตอนเริ่มประกาศให้ประชาชนที่ต้องการเปิดใช้งานซิมการ์ดใหม่มาใช้ระบบดังกล่าวได้ตั้งแต่พ.ค.60 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ การลงทะเบียนด้วยการสแกนลายนิ้วมือ จะเป็นการยืนยันตัวบุคคลได้อย่างชัดเจนมากกว่าการถ่ายสำเนาหรือรูปบัตรประชาชน รวมถึงยังรองรับการใช้งานด้านการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ (โมบายเพย์เม้นต์) ที่ต้องการความมั่นคงปลอดภัยในการใช้งานมากยิ่งขึ้น ซึ่งกสทช.มีแผนจะเช่าดาต้า เซ็นเตอร์ เพื่อใช้เป็นเซิร์ฟเวอร์กลางในการเก็บข้อมูลต่อไป
สำหรับการลงทะเบียนด้วยการสแกนลายนิ้วมือ ทาง กสทช. จะบังคับให้ดำเนินการเฉพาะการเปิดซิมการ์ดใหม่เท่านั้น ส่วนกลุ่มผู้ใช้งานโมบายเพย์เม้นต์ ที่ปัจจุบันมีอยู่ราว 14 ล้านเลขหมาย จาก 120 ล้านเลขหมายนั้นจะไม่มีการบังคับ แต่กลุ่มดังกล่าว คือกลุ่มเป้าหมายที่ กสทช. ต้องการโน้มน้าวให้มาลงทะเบียนเพิ่มเติมด้วยการสแกนลายนิ้วมือมากที่สุด
ขั้นตอนการลงทะเบียนลายนิ้วมือ เบื้องต้นจะเปิดให้ดำเนินการผ่านศูนย์บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และร้านค้าต่าง ๆ ที่จำหน่ายซิมการ์ดทุกแห่ง ซึ่งก่อนหน้านี้กสทช. ได้หารือกับผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกรายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และทุกรายต่างเห็นพ้องในการปฏิบัติตามทั้งหมด สำหรับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อเดือนม.ค.60 โดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นผู้ชนะการจัดซื้อจัดจ้างในการจัดทำระบบซอฟต์แวร์ต่าง ๆ
ทั้งนี้ ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จะเป็นผู้รับผิดชอบจัดหาเครื่องสแกนลายนิ้วมือให้กับผู้ประกอบการรายย่อย หรือ ลูกตู้ ซึ่งเบื้องต้นเชื่อว่าราคาเครื่องสแกนลายนิ้วมือจะไม่สูงมากนัก โดยขณะนี้ผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3 ราย ได้แก่ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) และบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) แจ้งว่าจะทยอยนำเครื่องมาติดตั้งตามศูนย์บริการในเดือนพ.ค. จำนวน 600 แห่ง แบ่งเป็นรายละ 200 แห่ง และคาดว่าสิ้นปีนี้จะติดตั้งให้ได้รวมกัน 8,000 แห่ง
อย่างไรก็ตามการที่กสทช. จะเพิ่มระบบสแกนลายนิ้วมือ อาจส่งผลให้ทางผู้ประกอบการมีรายจ่ายมากขึ้นนั้น ทางกสทช. จะเสนอเรื่องให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) พิจารณาลดการจัดเก็บเงินค่าธรรมเนียมใบอนุญาตรายปี ในส่วนที่มีการจัดเก็บเข้ากองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส. หรือ USO) จากปัจจุบันที่มีการจัดเก็บอยู่ในอัตรา 3.75% จากรายได้รวมต่อปี