นาย จื้อ-หง หลิน กรรมการอำนวยการ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) (KGI) กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาขยายเข้าสู่ธุรกิจบริหารจัดการความมั่งคั่ง (Wealth Management) เนื่องจากมองเห็นโอกาสจากการลงทุน ที่คาดว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่บริษัท และผู้ถือหุ้นได้ในอนาคต หลังจากที่ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาสามารถทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยกำไรสุทธิ 1.02 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 74% จากปีก่อนหน้า และรายได้รวม 3.25 พันล้านบาท เติบโต 31% จากปีก่อนหน้า
ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในปีที่ผ่านมา เนื่องจากการดำเนินธุรกิจมีความหลากหลาย โดยมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ 33% ของรายได้รวม กำไรจากเงินลงทุนและตราสารอนุพันธ์ 36% และอีก 19% รายได้จากค่าธรรมเนียม ทำให้บริษัทมีความพร้อมรับมือกับภาวะแข่งขันรุนแรงในธุรกิจหลักทรัพย์ภายหลังเปิดเสรีค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์ ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ 3.76% ส่วนแบ่งการตลาดนายหน้าตลาดอนุพันธ์(TFEX) อันดับ 1 ด้วยสัดส่วน 12.59%
ปัจจุบันบริษัทมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดยมีสินทรัพย์ 1.4 หมื่นล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 5.48 พันล้านบาท อัตราการดำรงเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ (NCR) อยู่ที่ 59%
ขณะที่การประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2560 ครั้งที่ผ่านมาอนุมัติเพิ่มวงเงินในการออกและเสนอขายหุ้นกู้ หรือหุ้นกู้อนุพันธ์ของบริษัทจากเดิมไม่เกิน 1 พันล้านบาท เป็นไม่เกิน 4 พันล้านบาท ก่อนหน้านี้ทางทริสเรทติ้ง ได้เพิ่มอันดับเครดิตของบริษัท จาก BBB+ เป็น A- สะท้อนความแข็งแกร่งและฐานะการเงินของบริษัท