(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นฟื้นตัวตามภูมิภาค หลังคลายกังวลสถานการณ์ในต่างประเทศ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 18, 2017 09:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะฟื้นตัวขึ้นได้ เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก อย่างตลาดหุ้นญี่ปุ่นก็กลับมาบวกได้ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มคลายความกังวลลงบ้างกับสถานการณ์ในต่างประเทศ เพราะในแง่ของภูมิศาสตร์ ระหว่างสหรัฐฯ, ซีเรีย, เกาหลีเหนือ โอกาสที่จะเกิดความรุนแรงในขณะนี้เป็นไปได้น้อย คงจะต้องมีการเจรจากันก่อนมากกว่า ดังนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังเป็นเพียงแค่ความตึงเครียดเท่านั้น อย่างไรก็ดีคงจะต้องติดตามดูสถานการณ์กันต่อไปด้วยว่าจะเป็นอย่างไร

ส่วนบ้านเราเมื่อวานนี้ตลาดฯได้ปรับตัวลงมากเกินไป และวอลุ่มเทรดก็ไม่สนับสนุนด้วย นักลงทุนบางส่วนก็ยังถือรอดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็บางส่วนที่ขายออกไปซึ่งก็มีโอกาสที่จะกลับมาซื้อคืนได้เหมือนกัน หลังจากคลายกังวลสถานการณ์ดังกล่าว ต่อจากนี้ไปก็คงจะต้องติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนทั้งในสหรัฐฯ และตลาดบ้านเรา ซึ่งในสัปดาห์นี้ก็มีบริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐฯหลายบริษัททยอยประกาศงบฯออกมา

พร้อมให้แนวรับ 1,570 จุด ส่วนแนวต้าน 1,585 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (17 เม.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,636.92 จุด พุ่งขึ้น 183.67 จุด (+0.90%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,856.79 จุด เพิ่มขึ้น 51.64 จุด (+0.89%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,349.01 จุด เพิ่มขึ้น 20.06 จุด (+0.86%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 142.12 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 6.77 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 6.51 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 19.36 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 9.60 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 21.58 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.62 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (17 เม.ย.60) 1,575.91 จุด ลดลง 13.59 จุด (-0.85%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,684.18 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 เม.ย.60
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (17 เม.ย.60) ปิดที่ 52.65 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 53 เซนต์ หรือ 1%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (17 เม.ย..60) ที่ 6.84 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 34.39/41 อ่อนค่าจากเย็นวานนี้ หลังดอลลาร์กลับมาแข็งค่า,มองกรอบ 34.30-34.45
  • คลังคาดร่างกฎหมายการเงินการคลัง ภาครัฐจะเข้าสู่สนช.เดือนพ.ค.นี้ ขณะที่คณะกรรมการกฤษฎีกาอยู่ระหว่างปรับปรุงร่าง โดยได้เสนอผ่อนคลายเงื่อนไข กำหนดให้รัฐบาลที่ใช้เงินกู้ในโครงการ ประชานิยมจะต้องชำระหนี้ เมื่อฐานะการคลังมีความพร้อมจากเดิมจะต้องให้รัฐบาลชำระให้หมดภายใน 2 ปี
  • นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อไม่นานมานี้ ให้ทุกส่วนราชการจัดทำแผนการปฏิบัติงานในกรอบระยะเวลา 1 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2560-31 มี.ค.2561 โดยให้ระบุแผนงานสำคัญๆ ที่จะดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาหรือปรับปรุงพัฒนาในทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคมนาคม เกษตรทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เศรษฐกิจดิจิทัล การศึกษา วิจัยและนวัตกรรม
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยฝ่ายจัดการกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (กองทุนฟื้นฟูฯ) ได้รายงานในเดือน มี.ค.2560 กองทุนฟื้นฟูฯ ชำระหนี้ได้ 5,106 ล้านบาท โดย 3,419 ล้านบาท เป็นการชำระดอกเบี้ย ส่วนที่เหลืออีก 1,687 ล้านบาท เป็นการชำระเงินต้น
  • สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูปคาดการณ์ส่งออกทั้งปีขยายตัว 5% มูลค่าแตะ 2.1 แสนล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เมินไตรมาสแรกลดลง เชื่อราคาน้ำมันผ่านจุดต่ำสุด แนวโน้มขาขึ้นหนุนกำลังซื้อประเทศผู้ผลิต จับตานโยบายการค้าอเมริกากระทบเป้าหมาย
  • ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับตัวแทนจากกรมเจ้าท่าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่เพื่อติดตามการตรวจสอบอัตลักษณ์เรือขนาด 10 ตันกรอส ขึ้นไปจำนวน 2,000 ลำทั่วประเทศ เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.-13 พ.ค. 2560 ตามกำหนด 30 วัน หลังจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีคำสั่งที่ 22/2560 วันที่ 4 เม.ย. 2560 เร่งดำเนินการแก้ไขการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน ไร้การควบคุม หรือ ไอยูยู

*หุ้นเด่นวันนี้

  • TISCO (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 70 บาท กำไร 1Q60 ที่ 1.49 พันล้านบาท +19% y-y และ +15% q-q จากการตั้งสำรอง และต้นทุนการเงินที่ลดลง ขณะที่ NPL Ratio ลดลงเหลือ 2.37% และมี Coverage ratio สูงถึง 164% จึงมองเห็น upside risk ต่อประมาณการกำไรทั้งปี
  • KTC (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 156 บาท กำไร 1Q60 ที่ 733 ล้านบาท +15% y-y และ +14% q-q ใกล้เคียงกับทีคาด ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากรายได้บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ market share ในส่วนของบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 11.2% และ 6.7% ตามลำดับ ส่วน NPL Ratio ยังต่ำเพียง 1.65%
  • CPALL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 74 บาท โดย CPALL และ MAKRO เป็นเพียง 2 บริษัทในกลุ่มค้าปลีกที่มี SSSG ใน 1Q60 เป็นบวก ขณะที่ค้าปลีกอื่นติดลบ บวกกับดอกเบี้ยจ่ายลดลงหลัง CPALL ออก Perpetual bond 1 หมื่นล้านบาทเพื่อ refinance หุ้นกู้ก้อนเดิมโดยดอกเบี้ยจ่ายของ Perpetual bond ถูกบันทึกในส่วนของผู้ถือหุ้น ไม่ผ่านงบกำไรขาดทุน จึงคาดกำไร +3.7% Q-Q, +9.8% Y-Y แนวโน้มจะดีต่อในไตรมาสถัดไป ปัจจุบันมี PE 27.5 เท่า ต่ำกว่า PE เฉลี่ยในอดีตที่ 33 เท่า
  • IVL (ไอร่า) เป้า 45 บาท สัดส่วน EBITDA ของ IVL มาจากทวีปอเมริกาเหนือประมาณ 43% คิดเป็นเฉพาะในสหรัฐฯ ประมาณ 32% ซึ่งคาดได้รับประโยชน์หากมีการลดภาษีนิติบุคคลตามนโยบายของ ปธน.สหรัฐฯ จากปัจจุบัน IVL ต้องเสียอัตราภาษีที่สหรัฐฯ อยู่ที่ 38% ในขณะที่ภาพการเติบโตของ IVL ในช่วงปี 60 - 61 เน้นไปที่การเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นไปอยู่ที่ 10.6 ล้านตันในปี 61 จาก 8.7 ล้านตัน ในปี 59 หรือคิดเป็นการเติบโตเฉลี่ย (CAGR) อยู่ที่ 10.4% ต่อปี และมีเป้าหมายในปี 61 จะมีผลิตภัณฑ์ HVA จำนวน 2.0 ล้านตัน คิดเป็น 19% ของกำลังการผลิตทั้งหมด และ IVL ยังขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามแผนการลงทุนใหม่ของ IVL จะลดลงมากในช่วงปี 60-61 ทำให้คาด IVL จะมีกระแสเงินสดที่ดีขึ้นในปี 60-61 และถือเป็นช่วงเวลาเก็บเกี่ยวจากคาดการณ์เงินปันผลที่สูงขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ