KTBST คาดหุ้นไทยวันนี้ดีดกลับหลังสถานการณ์เกาหลีเหนือผ่อนคลาย,จับตาเลือกตั้งฝรั่งเศส

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 18, 2017 10:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST คาดว่าทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้มีแนวโน้มดีดตัวกลับ จากสถานการณ์เกาหลีเหนือที่น่าจะเริ่มดีขึ้นตามลำดับ และดอกเบี้ยสหรัฐฯที่มีแนวโน้มต่ำอยู่ต่อไป แต่คาดว่าแรงซื้อที่กลับเข้ามาจะยังไม่มาก เพราะยังเร็วเกินไปที่จะระบุว่าสถานการณ์เกาหลีเหนือจบลงแล้ว อีกทั้งนักลงทุนจะต้องรอดูผลการเลือกตั้งของฝรั่งเศสในวันที่ 23 เม.ย.นี้ด้วย

"กลยุทธ์การลงทุนเรายังคงคำแนะนำ “ถือ" ไว้ หรือเลือกซื้อเก็งกำไรหุ้นขนาดใหญ่ ที่ปรับตัวลงไปมาในวันก่อนจากผลของ Flow บางส่วนที่คาดว่าจะกลับเข้ามาในตลาด หุ้นกลุ่มที่เราให้น้ำหนักการลงทุน เป็นกลุ่ม domestic play หรือ หุ้นที่ถูกคาดว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 1 จะออกมาดี สำหรับหุ้นที่คาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิเช่น BBL , TCAP , PTTGC , SPALI, AMATA"นายมงคล กล่าว

อนึ่ง ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในเช้าวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นสหรัฐที่ดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อคืน เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เกาหลีเหนือ หลังจากที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของสหรัฐระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะยังไม่พิจารณาการใช้ปฏิบัติการทางทหารตอบโต้เกาหลีเหนือในขณะนี้

นายมงคล กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ประกาศในคืนที่ผ่านมา ตัวเลขสำคัญ ๆ คือ ยอดค้าปลีกลดลง 0.2% ในเดือนมี.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้สร้างบ้านลดลงในเดือน เม.ย. ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเงินเยนที่อ่อนตัวลงสู่ระดับ 109 เยน/ดอลลาร์อีกครั้ง ส่วนหนึ่งมาจากความตึงเตรียดในสถานการณ์ของเกาหลีเหนือที่ลดลง และที่สำคัญ คือ โอกาสในการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ค. และ มิ.ย. นั้นลดลงไปอีก โดยค่า Implied Probabilities ของ Fed Fund Futures เดือน มิ.ย. ปรับลดลงมาในระดับที่ต่ำกว่า 50% เป็นครั้งแรก โดยมาอยู่ที่ 44.6% ในคืนที่ผ่านมา

ผลที่จะตามมามองเป็นบวกต่อ Fund Flow ที่จะยังไม่รีบร้อนที่จะขนเงินกลับสหรัฐฯ ดอกเบี้ยของโลกจะยังต่ำไปอีกระยะหนึ่ง แต่ข้อเสีย คือ ค่าเงินบาท จะแข็งค่าขึ้นเป็นลบต่อผู้ส่งออก โดยเงินบาทเช้านี้ 34.3 บาท/ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ผลในทางบวกต่อตลาดหุ้นไทย มองว่ามีมากกกว่าผลลบ

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เช้านี้ 53 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยตลาดกลับมาสนใจเรื่องการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้น ความไม่แน่นอนว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะลดกำลังการผลิตหลังหมดอายุข้อตกลงในเดือน มิ.ย.ไปแล้ว ยังเป็นที่สงสัยอยู่ ซึ่งเชื่อว่าการตัดสินใจจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ ขึ้นกับราคาน้ำมันดิบและการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ณ 25 พ.ค. ที่โอเปกจะมีการประชุมเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้ ปัจจัยลบของน้ำมัน อาจมาจากความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีที่ลดลง แต่ถึงกระนั้น ประเมินว่าราคาน้ำมันดิบ WTI น่าจะยังรักษาระดับที่สูงกว่า 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ไว้ได้ในระยะนี้

ส่วนปัจจัยในประเทศ นอกจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่เป็นบวกจากแนวโน้มผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่ดีขึ้นตามลำดับ การเข้ามาเก็งกำไรหุ้นในเรื่องผลประกอบการไตรมาส 1 ที่กลุ่มธนาคารเริ่มทยอยส่งงบในสัปดาห์นี้กันแล้ว รวมทั้งตัวอื่น ๆ ที่จะตามมา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ