หุ้น TMB ราคาไหลลง 3.28% มาอยู่ที่ 2.36 บาท ลดลง 0.08 บาท มูลค่าซื้อขาย 345.10 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.23 น. โดยเปิดตลาดที่ 2.42 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 2.42 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 2.32 บาท
บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ถือ"หุ้น ธนาคาทหารไทย (TMB) ราคาเหมาะสม 2.53 บาท หลังธนาคารแจ้งผลกำไรสุทธิในไตรมาส 1/60 ออกมาทรงตัวจากงวดปีก่อน แต่ลดลง 2% จากไตรมาสก่อน โดยมองว่าปัจจัยพื้นฐานของธนาคารดีขึ้นเป็นลำดับเมื่อเทียบกับในอดีตจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้นต่อเนื่อง จากการบริหารจัดการหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ขณะที่ความสามารถในการทำกำไรค่อนข้างทรงตัวเนื่องจากสินเชื่อที่เติบโตดีมาจากสินเชื่อที่อยู่อาศัย แม้โดดเด่นเรื่องความเสี่ยงต่ำ แต่ก็มี yield ที่ต่ำเช่นกัน ด้านฐานะเงินกองทุนยังแข็งแกร่งโดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (CAR) ที่ระดับ 18.2% เงินกองทุนชั้นที่ 1 (Tier I) ที่ 12.8%
TMB แจ้งกำไรสุทธิไตรมาส 1/60 เท่ากับ 2,096 ล้านบาท ทรงตัวจากงวดปีก่อน แต่ลดลง 2% จากไตรมาสก่อน โดยกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองหนี้สูญเท่ากับ 4,764 ล้านบาท ลดลง 1.5% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 4.2% จากงวดปีก่อน เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ลดลง 3.6% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 3.9% จากงวดปีก่อน โดยมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.21% ลดลงจาก 3.33% ในไตรมาส 4/59 แต่เพิ่มขึ้นจาก 2.98% ในไตรมาส 1/59
ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ลดลง 7% จากไตรมาสก่อน จากการชะลอตัวของรายได้ค่าธรรมเนียม แต่เพิ่มขึ้น 10.5%จากงวดปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียม ขณะที่ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญเท่ากับ 2,241 ล้านบาท ทรงตัวจากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 19% จากงวดปีก่อน อีกทั้งอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้อยู่ที่ 46.5% ลดลงจาก 48% ในไตรมาส 4/59 แต่เพิ่มขึ้นจาก 45.5% ในไตรมาส 1/59
ทั้งนี้ กำไรในไตรมาส 1/60 คิดเป็น 21% ของประมาณการกำไรปี 60 ที่ราว 9,800 ล้านบาทซึ่งพลิกกลับมาเติบโต 19% บนสมมติฐานค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญทั้งปีที่ราว 8,000 ล้านบาท ลดลง 7.5% จากปี 59 ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการตามเดิม
การเติบโตของสินเชื่อปลายไตรมาส 1/60 เพิ่มขึ้น 0.9% นับจากต้นปี จากการเติบโตของสินเชื่อรายย่อยเป็นหลักซึ่งเติบโต 4.2% ตามการขยายตัวต่อเนื่องของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยส่วนสินเชื่อลูกค้าธุรกิจทรงตัว สินเชื่อ SME ยังคงชะลอตัว ด้านคุณภาพสินทรัพย์ทรงตัว โดยในไตรมาสนี้ธนาคารได้มีการตัดจำหน่าย NPL จำนวน 2,200 ล้านบาทเพื่อลดความเสี่ยง ทำให้ NPL ทรงตัวเมื่อเทียบกับปลายปี 59 อยู่ที่ 2.53% ทั้งนี้ อัตราส่วนสำรองฯต่อ NPL (Coverage Ratio) อยู่ที่ 144% ใกล้เคียงกับ 143% ณ ปลายปี 59