หุ้น KWG ราคาพุ่งขึ้น 17.53% มาอยู่ที่ 4.56 บาท เพิ่มขึ้น 0.68 บาท มูลค่าซื้อขาย 191.07 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.32 น. โดยเปิดตลาดที่ 4.28 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 4.64 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 4.28 บาท
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า บมจ.คิง ไว กรุ๊ป (KWG) ช่วงนี้มีการเก็งกำไรสูง เพราะมีข่าวเรื่องการเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิมสำเร็จ และจะเปิดขายคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 5 พันล้านบาท ช่วยให้บริษัทมีโอกาสจะหลุดพ้นกรณีที่อาจจะต้องเข้าแผนฟื้นฟู เพราะส่วนผู้ถือหุ้นเฉพาะในส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่เหลือน้อย ณ สิ้นปี 59 เป็น 214 ล้านบาท แต่อาจต้องระมัดระวังการเข้าเก็งกำไร
สำหรับผลประกอบการปี 59 มีกำไรสุทธิ 61 ล้านบาท มีกำไรต่อหุ้นที่ 0.28 บาท คิดเป็น P/E ขณะนี้ 14.0 เท่า แต่เป็นกำไรพิเศษปรับค่ายุติธรรมอสังหาฯ 236 ล้านบาท และกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 10 ล้านบาท หากไม่นับกำไรพิเศษดังกล่าว จะเป็นการขาดทุนจากการดำเนินงาน 185 ล้านบาท ซึ่งหาค่า P/E จากการดำเนินงาน (P/E-Norm) ไม่ได้ ดังนั้น การเก็งกำไรว่าบริษัทที่มีแนวโน้มจะฟื้นตัวในอนาคต และซื้อขายที่ P/E ไม่ได้สูงมาก อาจเป็นภาพลวงตา ด้านมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (Book Value) หลังเพิ่มทุนเป็น 2.24 บาทต่อหุ้น
ส่วนคอนโดฯ 2 โครงการ คือ 1) อาคาร 8 ชั้น มูลค่า 565 ล้านบาท กว่าจะโอนกรรมสิทธิ์เป็น H2/62 และ 2) อาคารสูง 40 ชั้น 1 อาคาร และอาคารสูง 14 ชั้น 1 อาคาร มูลค่ารวม 4.4 พันล้านบาท กว่าจะโอนเป็น H2/63 ดังนั้น จะกำไรเร็วสุดคือปี 62
และจากการจัดทำประมาณการในปี 60 และ 61 ปกติจะมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานตกปีละ 70-180 ล้านบาท แต่บริษัทมีข้อดีคือจะนำเงินเพิ่มทุนส่วนหนึ่ง 500 ล้านบาทไปคืนหนี้เงินกู้ ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3.5% จึงประหยัดดอกเบี้ยจ่ายได้ปีละ 17.5 ล้านบาท แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะชดเชยให้มีผลกำไรได้
ส่วนประมาณการปี 62-64 สุทธิแล้วคาดว่าบริษัทจะมีผลการดำเนินงานเป็น -88, +176 และ +136 ล้านบาท ตามลำดับ โดยมีสมมุติฐานว่าให้โครงการแรกมีการโอนเป็นรายได้ปี 62-63 ปีละ 50% มีอัตรากำไรสุทธิ 14% ส่วนโครงการที่สอง มีการโอนเป็นรายได้ปี 63-64 ปีละ 50% มีอัตรากำไรสุทธิ 12% ซึ่งอัตรากำไรสุทธิแปรไปตาม IRR ที่บริษัทแนะมา พบว่าปี 63 จะเป็นปีที่มีกำไรสูงสุด (Peak) เพราะเป็นช่วงที่ทั้งสองโครงการให้รายได้เข้ามา และเมื่อประเมินมูลค่าเป็น P/E ด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดหลังเพิ่มทุนคือ 924 ล้านหุ้น ก็ยังสูงเป็น 20.4 เท่า ตามตาราง
อนึ่ง วันนี้มีลูกหุ้น KWG เข้าซื้อขายวันแรกที่ต้นทุนเพียง 2.63 บาท จำนวน 704 ล้านหุ้น จากจำนวนหุ้นเดิม 220 ล้านหุ้น เป็นลูกหุ้นที่จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 3.2 หุ้นใหม่ รายใหญ่คือ บริษัท ทอมโม (ประเทศไทย) 355.7 ล้านหุ้น และทั่วไป 348.3 ล้านหุ้น อาจมีความเสี่ยงเรื่องแรงขายทำกำไร เพราะมีส่วนเพิ่มจากราคาปิด 48% แล้ว
หากพิจารณาด้านบวก บริษัทอาจจะสามารถสร้างอัตรากำไรได้สูงกว่า หรือโอนได้เร็วกว่าคาด แต่ปัจจัยเสี่ยงคือ การเปิดขายโครงการคอนโดใหม่จะทำได้สำเร็จหรือไม่ ขั้นแรกคือ การขอ EIA จะผ่านหรือไม่ ยอดขายและยอดโอนจะเป็นอย่างไร ตลอดจนเรื่องการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆในอนาคต