รายงานข่าวจาก บมจ.อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (IFEC) เปิดเผยว่า ศาลอาญารัชดาได้ประทับรับคำฟ้องของบริษัทที่ได้ยื่นฟ้องนายทวิช เตชะนาวากุล และพวก ประกอบด้วย นายเทพฤทธิ์ เตชะนาวากุล นางกนกวรรณ พรทรัพย์อนันต์ นายสิทธิชัย พรทรัพย์อนันต์ และนายแชมป์ ศรีโชคชัย ฐานร่วมกันครอบงำกิจการ IFEC โดยผิดกฎหมาย ไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ 1067/2560 เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา และศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 9 ต.ค.60
สืบเนื่องจากนายทวิช ร่วมกับพวกที่ได้เข้าซื้อหุ้น IFEC ในช่วงเดือน พ.ย.59-14 ก.พ.60 มีพฤติกรรมครอบงำกิจการ และมีเจตนาเข้าบริหารกิจการบริษัทโดยไม่สุจริต ด้วยการร่วมกันเข้าถือหุ้นคิดเป็นสัดส่วนหุ้นรวมกันกว่า 25%ของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมด โดยปิดบังข้อมูล และต้องการเข้ามาครอบงำกิจการ IFEC ซึ่งนายทวิช ยังทำหนังสือถึงบริษัทและยอมรับผ่านสื่อมวลชนว่าตนเองกับพวกผู้ถือหุ้นใน IFEC รวมกันกว่า 500 ล้านหุ้น หรือประมาณ 25.20%ของทุนจดทะเบียน ซึ่งเข้าข่ายการครอบงำกิจการ
อนึ่ง จากการตรวจสอบเมื่อเดือน พ.ย.59 นายทวิช ถือหุ้น IFEC จำนวน 101.53 ล้านหุ้น หรือ 5.12% ของหุ้นทั้งหมดที่จำหน่ายได้ หรือจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมด ส่วนนายเทพฤทธิ์ ถือหุ้น 101.08 ล้านหุ้น หรือ 5.10% นางกนกวรรณ ถือหุ้น 71.99 ล้านหุ้น หรือ 3.63% และนายแชมป์ ถือหุ้น 16.80 ล้านหุ้น หรือ 0.85% ขณะที่นายสิทธิชัย ล่าสุดไม่ได้ถือหุ้น IFEC และได้ลาออกจากเป็นกรรมการบริษัทไปแล้ว
และ เมื่อเดือน ธ.ค.59 นายทวิชและพวกยังได้ลงชื่อในหนังสือแจ้งมายังบริษัทเพื่อขอให้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารของบริษัท เพื่อให้กลุ่มนายทวิชจำนวน 5 คนเข้ามาเป็นกรรมการแทน และในหนังสือยังระบุให้บริษัทชะลอดำเนินการทางธุรกิจ ห้ามเปลี่ยนแปลงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ระดับบริหารไว้ชั่วคราว ขณะที่นายแชมป์และนายสิทธิชัย ได้ลาออกจากกรรมการ IFEC เพื่อเปิดทางให้กลุ่มนายทวิชเข้าครอบงำกิจการ
ดังนั้น บริษัทเห็นว่าการกระทำของกลุ่มนายทวิช เข้าข่ายการถือหุ้นร่วมกันโดยมีเจตนาเพื่อครอบงำกิจการของ IFEC โดยเฉพาะการถือหุ้นรวมกันเกิน 25% ซึ่งเข้าเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่จะต้องจัดทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ IFEC จากผู้ถือหุ้นรายย่อย หรือทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ ตามเกณฑ์ที่กฎหมายและตามระยะเวลาที่ ก.ล.ต.กำหนด
พร้อมกันนั้น บริษัทยังได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายทวิช ในข้อหาให้ข้อมูลอันเป็นเท็จกรณีการยื่นจดทะเบียนกรรมการบริษัทไม่ถูกต้องและอาจทำให้บริษัทเสียหาย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.รัตนาธิเบศร์ ได้เรียกนายทวิชไปให้ปากคำครั้งแรกเมื่อวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งนายทวิชไม่ได้เดินทางมา ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกหมายเรียกอีกภายในสัปดาห์นี้