ฝ่ายวิจัยเห็นว่า การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้เป็นบวกกับบริษัท เพราะทำให้สัดส่วน HVA ที่มีมาร์จิ้นสูงเพิ่มขึ้น รวมทั้งเป็นการกระจายผลิตภัณฑ์ไปสู่กลุ่มยานยนต์ด้วย โดย Glanzstoff มีส่วนแบ่งการตลาดใน Rayon Tyre Cord 22% ในตลาดผลิตภัณฑ์เฉพาะทาง ซึ่งคาดการณ์มูลค่าซื้อขายที่ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อิงกับ EBITDA Margin ที่ 15% และ EV/EBITDA 7 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของดีลซื้อขาย IVL) ซึ่งคิดเป็นประมาณ 2.7% ของมูลค่าสินทรัพย์บริษัท โดยแหล่งเงินมาจากการกู้ยืม สำหรับกำไรจาก Glanzstoff ที่จะเข้ามาเพิ่มใน IVL อยู่ที่ 4-5% จากประมาณการปัจจุบัน นอกจากนั้นบริษัทอาจมีการบันทึกกำไรจากการต่อรองราคาซื้อขายเข้ามาในไตรมาส 2/60 ด้วย พร้อมให้ราคาพื้นฐาน 42 บาท
ทั้งนี้ Glanzstoff เป็นผู้ผลิตเส้นใยสำหรับยางรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคยุโรป และเป็นผู้นำระดับโลกด้านยางในรถยนต์ (Single-end-cords:SEC) ซึ่งเป็นเส้นด้ายเสริมความแข็งแรงให้กับยางที่ใช้ในอุปกรณ์ เครื่องกลต่าง ๆ ซึ่งถูกผนวกเข้ากับเส้นใยเรยอนที่มีความทนทานสูง โดย Glanzstoff มีความสามารถในการผลิตเส้นใยสำหรับยางรถยนต์ และ SEC ที่หลากหลาย อาทิ เส้นใยเรยอนที่มีประสิทธิภาพสูง, aramid Nylon 66, เส้นใยโพลีเอสเตอร์ และเส้นใยสังเคราะห์ เพื่อสมรรถนะที่ดีของอุปกรณ์ยานยนต์
Glanzstoff มีโรงงาน 4 แห่ง ได้แก่ โรงงานในประเทศลักเซมเบิร์ก อิตาลี สาธารณรัฐเช็ก และโรงงานผลิต SEC แห่งใหม่ ซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้างที่เมืองชิงเต่า ประเทศจีน ณ ปัจจุบัน มีกำลังการผลิตเส้นด้ายเรยอน (Rayon yarn) ทั้งหมด 12,000 ตัน/ปี เส้นด้ายเกลียว (twisting yarn) 30,600 ตัน/ปี เส้นด้ายทอผ้า (weaving yarn) 31,000 ตัน/ปี เส้นด้ายชุบ (dipping fabrics) 30,000 ตัน/ปี และ SEC Cap Ply 6,300 ตัน/ปี