นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ จากความผันผวนของตลาดเงินหลังจากที่อังกฤษจะมีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 8 มิ.ย. ซึ่งเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงมีความผันผวน ส่งผลให้กระแสเงินไหลเข้าสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
อย่างไรก็ดี ค่าเงินในเอเชียยังคงแข็งค่าอยู่ ซึ่งตลาดในเอเชียยังน่าจะ outperform กว่าตลาดพัฒนาแล้ว ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ก็ติดลบราว 0.3-0.4%
พร้อมให้แนวรับ 1,567 จุด ส่วนแนวต้าน 1,579-1,586 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (18 เม.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,523.28 จุด ร่วงลง 113.64 จุด (-0.55%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,849.47 จุด ลดลง 7.32 จุด (-0.12%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,342.19 จุด ลดลง 6.82 จุด (-0.29%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 91.26 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 12.04 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 48.56 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 21.17 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 3.48 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 7.80 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.34 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 เม.ย.60) 1,574.42 จุด ลดลง 1.49 จุด (-0.09%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 744.42 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 เม.ย.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (18 เม.ย.60) ปิดที่ 52.41 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 24 เซนต์ หรือ 0.5%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 เม.ย..60) ที่ 6.94 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.31 แข็งค่าหลังดอลล์อ่อนจากปัจจัยการเมืองของอังกฤษ-ฝรั่งเศส
- บสส.จะร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ หารือจัดตั้งศูนย์รวมบริหารหนี้ภาคครัวเรือน หรือศูนย์รวมติดตามทวงหนี้ขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาการทวงหนี้ซ้ำซ้อนกัน
- ในปี 2560 บสส.ตั้งเป้าหมายเรียกเก็บเงินสดรับที่ 10,264 ล้านบาท มาจากการปรับโครงสร้างหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) 6,304 ล้านบาท และรายได้จากการขายสินทรัพย์รอการขาย (เอ็นพีเอ) 3,960 ล้านบาท ซึ่งไตรมาสแรกได้รับเงินสดแล้ว 1,446 ล้านบาท
- นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคงและกระทรวงการต่างประเทศ ติดตามสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลีซึ่งเป็นประเด็นระดับโลกที่ต้องติดตามว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แต่ก็เชื่อว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องคงต้องมีความยับยั้งชั่งใจ ขณะที่สิ่งที่ต้องเตรียมความพร้อม คือการพร้อมรองรับกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจ
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ต้นเดือนพฤษภาคมนี้คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) จะเดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัด คือ ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา เพื่อชี้แจงและทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ สร้างการรับรู้และให้เกิดการยอมรับของประชาชนในพื้นที่ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแสดงข้อคิดเห็นผ่านเวทีสาธารณะ และสื่อโซเชียลมีเดียตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มั่นใจว่าการดำเนินโครงการอีอีซีจะไม่ซ้ำรอยโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ถูกต่อต้าน เพราะเป็นโครงการที่สนับสนุนให้เกิดการลงทุนพัฒนาเศรษฐกิจของไทยในอนาคต
- จับตากกพ.ปรับค่าเอฟทีงวด พ.ค.-ส.ค.ขึ้น 10 สตางค์ต่อหน่วย หลังต้นทุนพุ่ง-เงินบาทไม่เคลื่อนไหว ด้านกฟผ.ลุ้นผลสรุป คสช. 28 เม.ย. ชี้ชะตาโรงไฟฟ้ากระบี่ เผยหากให้ยุติพร้อมดำเนินการ แต่ถ้าให้เดินหน้าต่อต้องชี้ชัดกระบวนการทำ EIA และ EHIA ว่าจะให้ทำอย่างไรจึงไม่ต้องรื้อใหม่
- "กอบศักดิ์" แจงให้ต่างชาติเช่าที่ดินเพื่ออุตสาหกรรม 99 ปี ในภาคตะวันออก EEC เพียงเขียนให้ชัดตามกฎหมายเดิม ไม่ได้ร่างขึ้นใหม่
*หุ้นเด่นวันนี้
- FN (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 10.20 บาท แนวโน้มกำไร 1Q60 น่าจะเป็นไปตามคาด 43 ล้านบาท -8.5% Q-Q ตามฤดูกาล แต่ +30.3% Y-Y จากสาขาอยุธยาที่รับรู้รายได้เต็มไตรมาสและได้รับการตอบดีมาก ชดเชย SSSG ที่ติดลบได้ แนวโน้มกำไรดีต่อเนื่องใน 2Q60 เพราะสาขาหาดใหญ่ (เปิด 6 เม.ย.) ได้รับการตอบรับดีเช่นเดียวกัน ส่วนสาขาใหม่แห่งที่ 10 จะเปิดใน 3Q60 ปัจจุบัน FN เทรดที่ PE 36.8 เท่า PEG 0.8 เท่า
- LH (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 12.5 บาท จาก 1) Presale 1Q60 เร่งตัวขึ้นเกือบ 7 พันล้านบาท สูงสุดใน 4 ไตรมาสที่ผ่านมาจากทั้งการขายบ้านเดี่ยว และคอนโดฯ 2) พอร์ตรายได้ค่าเช่ายังขยายตัวต่อ +24% ปีนี้ เป็น 3.1 พันล้านบาท 3) การขาย Grande Centre Point ราชดำริ มูลค่า 4 พันล้านบาทเข้ากอง REIT บันทึกกำไรพิเศษเพิ่ม 4) กลุ่มลูกค้าระดับกลาง-สูง ยังมี demand ที่ดี และ 5) ปันผลปีนี้สูง 6.9%
- IRPC (ทรีนีตี้) "ซื้อ"เป้า 5.42 บาท ยังไม่รวม upside จากโครงการ PPE-PPC คาด COD 3Q60 และคาดผลประกอบการหลัก 1Q60 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปี, คาดโครงการ UHV เดินเครื่องได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นหลังจากกลับมาเดินเครื่องปกติ, แนวโน้ม 2Q60 ได้แรงหนุนกลุ่มโรงกลั่นและน้ำมันหล่อลื่น สำหรับงบฯ 1Q60 คาดกำไรสุทธิ 1,238 ล้านบาท -27%QoQ -59%YoY อ่อนตัวเนื่องจากหยุดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ เป็นระยะเวลา ราว 30 วัน ในช่วง ก.พ-มี.ค. 60, ประเมินผลขาดทุนสต๊อกน้ำมัน ราว 310 ล้านบาท (4Q59 กำไร 1,469 ล้านบาท), คาดค่าการกลั่นอ่อนตัวเล็กน้อย QoQ, คาดรับรู้ผลขาดทุนจาก hedging loss จำนวน 266 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ผลดำเนินงานได้แรงชดเชยจากกำไรกลุ่มปิโตรฯ โดยเฉพาะอะโรเมติกส์
- TU (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดกำไรเติบโต 17% สูงสุดในกลุ่มอาหาร ได้ประโยชน์จากภาพใหญ่ของบาทที่อ่อนค่า อีกทั้งเข้าสู่ช่วง high season ไตรมาส 2-3 รวมทั้งต้นทุนมีผลกระทบจากราคาสินค้าเกษตรน้อยกว่าเนื้อสัตว์บก