นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้มีแนวโน้มเป็นลบ และผันผวนในกรอบแคบ ๆ โดยปัจจัยต่างประเทศยังกดดันและทำให้เงินไหลเข้าสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ
สำหรับ 3 ตัวแปรสำคัญที่จะมีผลต่อตลาดหุ้นในอนาคต คือ การเลือกตั้งรอบแรกของฝรั่งเศส ในวันที่ 23 เม.ย.นี้ , สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี และตัวแปรสุดท้าย ที่เข้ามาในตลาดวานนี้ คือ การประกาศการเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษเป็นวันที่ 8 มิ.ย.60 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดการเดิมที่ตั้งไว้ในปี 2563 โดยนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ นางเทเรซา เมย์ ให้เหตุผลว่าเพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองและจะได้ดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องในกระบวนการนำสหราชอาณาจักรออกจากการเป็นสมาชิกของกลุ่มอียู
ผลของตัวแปรเหล่านี้ แม้จะมีผลต่อตลาดหุ้นได้ในระยะถัด ๆ ไป แต่ทว่านักลงทุนต่างคิดว่า มีปัจจัยเสี่ยงของตลาดเพิ่มเข้ามาหลายตัว ส่งผลให้มีการกลับเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ทั้งพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ทองคำ และค่าเงินเยน จึงมองเป็นปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นไทยในวันนี้
ขณะที่ตลาดหุ้นที่ปิดไปในเทศกาลอีสเตอร์ จะกลับมาเปิดทำการในวันนี้ น่าจะรับรู้ตัวแปรในทางลบเหล่านี้ด้วย สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทภาคการเงินในตลาดหุ้นที่ออกมาในทางลบ กดดัชนีตลาดหุ้นและค่าเงินดอลลาร์ให้อ่อนลง การที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลดลง จึงมีผลทางจิตวิทยามาถึงตลาดหุ้นไทยด้วย ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI เช้านี้ อยู่ที่ 52 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ความกังวลด้าน supply และความไม่แน่นอนว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะสนับสนุนให้มีการลดกำลังการผลิตน้ำมันต่อหรือไม่ เป็นลบต่อราคาน้ำมัน แต่ด้วย Geopolitical Risk ในซีเรียและเกาหลีเหนือ เป็นบวกต่อราคาน้ำมันอยู่ต่อไป
ส่วนปัจจัยในประเทศ นอกจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจทั้งผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ขยายตัวมากกว่าเคยคาดและการลงทุนของภาครัฐ การลงทุนภาคเอกชนใน เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมทั้งการเข้ามาเก็งกำไรหุ้นในเรื่องผลประกอบการไตรมาส 1 เป็นปัจจัยบวกเฉพาะตัวของตลาดหุ้นไทย ดังนั้นทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ แม้สถานการณ์เกาหลีเหนือจะเริ่มดีขึ้น แต่ปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ในต่างประเทศ จะกดดันตลาดหุ้นไทย ซึ่งจะทำให้ดัชนีฯเคลื่อนไปข้างหน้าต่อยากขึ้น
"กลยุทธ์การลงทุนเรายังคงคำแนะนำ “ถือ" สำหรับการเข้าลงทุนหรือเก็งกำไร ควรเลือกลงทุนเป็นรายตัว หรือ selective เนื่องจากเม็ดเงินที่พร้อมซื้อหุ้นของตลาดมีอยู่จำกัด อีกทั้งมีความเสี่ยงหลายตัวรออยู่ข้างหน้า หุ้นกลุ่มที่เราให้น้ำหนักการลงทุน เป็นกลุ่ม domestic play หรือ หุ้นที่ถูกคาดว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 1 จะออกมาดี สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิเช่น BBL , AOT , HMPRO , AMATA , ATP30 , PRIN"นายมงคล กล่าว