นายสมใจนึก เองตระกูล ประธานกรรมการ บมจ.สายการบินนกแอร์ (NOK) คาดว่า ในช่วง 2 ปีนี้บริษัทจะพลิกกลับมามีกำไรและสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้ โดยในปี 59 บริษัทขาดทุน 2,795 ล้านบาท เพราะไม่สามารถใช้เครื่องบินได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Utilazation) ซึ่งปีก่อนใช้เครื่องบิน 8 ชั่วโมง/ลำ/วัน ลดลงจากจากเดิมที่สามารถใช้ 11 ชั่วโมง/ลำ/วัน และปีที่แล้วนักบินลาออกจำนวนมาก จึงไม่สามารถนำเครื่องบินออกมาบินได้ อีกทั้งบริษัทต้องจ้างนักบินชาวต่างประเทศทำให้มีค่าใช้จ่ายส่วนนี้จำนวนมาก
แต่ขณะนี้เรื่องนักบินกลับมาอยู่สภาวะปกติ และการจ้างนักบินต่างประเทศก็จะสิ้นสุดกลางปีนี้ ขณะเดียวกันยังได้นักบินจากการบินไทย และนักบินที่เกษียณจากการบินไทยเข้ามาเสริม
"ผมว่าอีก 2 ปี จะมีกำไร จะได้คืน จะจ่ายเงินปันผล" ประธานกรรมการ กล่าวต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นบริษัท
นายสมใจนึก กล่าวว่า นายพาที สารสิน จะยังคงดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ NOK ต่อไป แต่จะมีผู้บริหารจากบมจ.การบินไทย (THAI) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เข้ามาช่วย
"คุณพาทีไม่ไปไหน แต่จะเสริมทัพจากผู้บริหารการบินไทย อันนี้เรารับได้เรื่องต่าง ๆ เราบริหารได้ จะเป็นทีมบริหารที่แข็งแกร่ง" นายสมใจนึก กล่าวตอบผู้ถือหุ้นที่ถามว่า NOK จะมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารหรือไม่
ด้านนายพาที สารสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NOK กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาสายการบินนกแอร์มีการแข่งขันราคามากในเที่ยวบินเส้นทางในประเทศ ดังนั้น บริษัทจะเปลี่ยนมาเน้นบินระยะไกลขึ้น ซึ่งขณะนี้ได้สร้างเครือข่ายเส้นทางบิน เอเชียตะวันออก เพื่อเพิ่มชั่วโมงการบินของเครื่องบินเพิ่มขึ้น
ที่ผ่านมาตนเองได้เข้ามาทำงานที่สายการบินนกแอร์ด้วยใจมาตลอดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท จนกระทั่งยอมรับเงินเดือนลดลงเหลือ 2 แสนบาท/เดือน เพราะไม่ต้องการให้ธุรกิจสายการบินของไทยให้ต่างชาติครอง แม้ที่ผ่านมาอาจพลาดหลังจากที่ไทยมีนโยบายเปิดน่านฟ้าเสรี ก็มีการแข่งขันจากต่างชาติ แต่ตนคาดไม่ถึงจากนโยบายเปิดเสรีดังกล่าว ทำให้มีจำนวนเครื่องบินในประเทศไทยเพิ่มขึ้นถึง 200% ภายในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น เมื่อมีเครื่องบิน over supply ก็ทำให้มีการแย่งผู้โดยสาร และแย่งตัวนักบิน ส่งผลให้นกแอร์ไม่สามารถปรับเพิ่มจำนวนนักบินได้ตามที่วางแผนได้ ขณะเดียวกันการแข่งขันด้านราคาก็ทำในระดับที่น้อยที่สุด นอกจากนี้ในเรื่องการซ่อมบำรุงใหญ่ที่ส่งเครื่องยนต์ซ่อมพร้อมกัน 12 เครื่องก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นด้วย
ส่วนการจะขยายเส้นทางบินไปต่างประเทศ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะต้องใช้งบจำนวนมาก โดยการลงทุนต่างประเทศ ราว 200 ล้านบาท/station ซึ่งที่ผ่านมาได้เปิดที่ย่างกุ้ง โฮจิมินห์ และ ฮานอย
"ขณะนี้เราได้ดำเนินการเรื่องนักบิน การซ่อมบำรุง ผมจะเอานกแอร์กลับมามีกำไรให้เร็วที่สุด"นายพาที กล่าว
นายพาที กล่าวว่า สายการบินนกแอร์ได้เข้าร่วมพันธมิตร Low Cost Alliance ซึ่งสายการบินนกแอร์ จะอาศัยพันธมิตรดังกล่าวขยายการขายตั๋ว โดยที่ไม่จำเป็นต้องลงทุนซื้อเครื่องบิน เพราะเป็นการลงทุนสูงมาก ทั้งนี้คาดว่าจะเริ่มเห็นผลมากขึ้น หลังได้รวมตัวกันมา 1 ปีครึ่งแล้ว และในช่วงสิ้นเดือนเม.ย.นี้ก็จะจัดประชุมร่วมกัน
ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายรวมปี 59 จำนวน 1.57 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นมาจากปีก่อน 14% โดยค่าใช้จ่ายหลักมาจากค่าซ่อมบำรุงเครื่องบินซึ่งรวมค่าซ่อมแซมจากอุบัติเหตุที่เกิดในไตรมาส 3/59 แม้ค่าใช้จ่ายน้ำมันลดลงจากราคาน้ำมันลดลง อย่างไรต้นทุนต่อปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสาร (CASK) เพิ่มขึ้น 13.05% เป็น 2.51 บาท/ที่นั่ง-กม. ขณะที่รายได้ต่อปริมาณด้านผู้โดยสาร (RASK) ลดลง 4.27% มาที่ 2.02 บาท/ที่นั่ง-กม.ดังนั้นในปี 59 บริษัทจึงขาดทุน 2,795 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากปี 58 ที่ขาดทุน 726 ล้านบาท
อนึ่ง วันนี้ที่ประชุมผู้ถือหุ้น NOK มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียน จำนวน 781.25 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 625 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่เป็น 1,406.25 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญใหม่ จำนวน 781.25 ล้านหุ้น จัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 625 ล้านหุ้น ในอัตรา 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคาเสนอขายหุ้นละ 2.40 บาท และอีกจำนวน 156.25 ล้านหุ้น รองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ ครั้งที่ 1 (NOK-W1)ที่ออกให้ฟรีแก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุน โดยรวมคาดว่าจะระดมทุนได้ราว 2.28 พันล้านบาท
ด้านนายวิสิฐ ตันติสุนทร กรรมการ และประธานคณะทำงานยุทธศาสตร์และวางแผนระยะยาว ของ NOK กล่าวว่า สายการบินนกแอร์ จะเปลี่ยนเป็นโลว์คอสต์แอร์ไลน์ภูมิภาค ที่บินระยะ 2-3 ชั่วโมง เพื่อเพิ่มจำนวนชั่วโมงบิน โดย NOK มีพันธมิตรกับทางจีน และมีแผนจะขยายธุรกิจเข้าไป ส่วนเงินเพิ่มทุนในครั้งนี้คาดว่าจะไม่เพียงพอในการใช้ดำเนินธุรกิจ ในช่วง 3 ปีนี้ หากเงินทุนไม่เพียงพอก็ใช้เงินกู้ หรือ เพิ่มทุนอีกครั้ง
นายณรงค์ชัย ว่องธนะวิโมกษ์ กรรมการ และคณะทำงานยุทธศาสตร์และวางแผนระยะยาว ของ NOK กล่าวว่า NOK อยู่ในภาวะปรับตัว ปรับโมเดลธุรกิจดำเนินการในปีนี้และปีหน้า และจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายเพื่อให้บริษัทเดินหน้าต่อไปได้ ถึงแม้วันนี้จะเพิ่มทุนเท่าตัว ถ้าธุรกิจจะขยายตัวก็อาจต้องเพิ่มทุนต่อไป โดยสายการบินนกแอร์ เป็น Domestic base กับ Low Cost Airlines อาจจะไม่ตอบโจทย์ ต้องเปลี่ยนเป็นสายการบินภูมิภาค มีเส้นทางต่างประเทศมากขึ้นก็ต้องใช้เงินทุนเพิ่มขึ้น
ร.อ.มนตรี จำเรียง กรรมการ NOK และ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายกลยุทธ์องค์กรและพัฒนาอย่างยั่งยืน บมจ.การบินไทย(THAI) กล่าวว่า ในฐานะ THAI เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ NOK สัดส่วน 39.2% ก็จะเพิ่มตามสัดส่วน และหากหุ้นเพิ่มทุนขายไม่หมดทาง NOK จะกลับมาพิจารณาหุ้นที่เหลือจะขายหุ้นให้กลุ่มใด ทั้งนี้ THAI ยังสามารถลงทุนเพิ่มได้แต่ถือได้ไม่เกิน 49% เพราะไม่ต้องการมีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ