บมจ.คิงส์ เทเลคอม ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (Filling) ต่อสำนักงานคณะกรรมกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาขนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 250 ล้านหุ้น โดยบริษัทฯมีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) มีบริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน วัตถุประสงค์ของการใช้เงิน เพื่อเป้นเงินทุนในการขยายธุรกิจของบริษัท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน รวมถึงเพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมด้วย
คิงส์ เทเลคอม ประกอบธุรกิจหลักเกี่ยวกับธุรกิจโทรคมนาคมด้วยทีมผู้บริหารและวิศวกรมืออาชีพที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมนานกว่า 10 ปี โดยแบ่งการให้บริการหลักๆ ของบริษัทได้ดังนี้ การให้บริการติดตั้งเสาส่งสัญญาณ และการให้บริการติดตั้งระบบข่ายสายใยแก้วนำแสงและอุปกรณ์โทรคมนาคม
โครงการในอนาคต บริษัทมีแผนในการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องในส่วนงานที่เกี่ยวกับงานทางด้านการสร้างโครงข่ายการสื่อสารโทรคมนาคม เช่น งานการสร้างและติดตั้งเสาส่งสัญญาณ งานการสร้างและติดตั้งโครงข่ายใยแก้วนำแสงและอุปกรณ์โทรคมนาคม ซึ่งจากผลงานที่ผ่านมาของบริษัท ทำให้กลุ่มลูกค้าไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในประเทศและผู้ให้บริการโครงข่ายทั้งภาครัฐและเอกชนมีความไว้วางใจให้บริษัทเป็นผู้ดำเนินการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่แต่ละรายมีแผนลงทุนสำหรับการขยายโครงข่ายของตนเองเพิ่มมากขึ้นทุกปีเพื่อสร้างโครงข่ายที่มีคุณภาพและครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนธุรกิจในการลดการพึ่งพิงลูกค้ากลุ่มที่เป็นผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ โดยมุ่งเน้นการให้บริการแก่ลูกค้าภาคเอกชนเพิ่มขึ้น โดยมีโครงการในอนาคต เช่น โครงการออกแบบและติดตั้งระบบกล้องวงจรปิด (IP CCTV) ให้กับลูกค้าที่ประกอบธุรกิจโรงแรม, โครงการออกแบบและติดตั้งระบบบริหารที่จอดรถยนต์ให้แก่ลูกค้าที่ประกอบธุรกิจห้างสรรพสินค้าในต่างจังหวัด และโครงการออกแบบและติดตั้งระบบรับส่งสัญญาณ (Wifi) ภายในห้างสรรพสินค้า เป็นต้น
บริษัทยังมีแผนขยายธุรกิจในส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบและติดตั้งระบบสื่อสารโทรคมนาคมและเทคโนโลยีอย่างครบวงจร (System Integrator) มากขึ้น โดยมีโครงการในอนาคต เช่น โครงการบริหารจัดการพื้นที่โฆษณา Digital Signage ให้กับลูกค้าที่ประกอบธุรกิจห้างสรรพสินค้า ในลักษณะเป็นผู้ลงทุนและจัดหาอุปกรณ์สำหรับการปรับปรุงและบำรุงรักษาพื้นที่โฆษณาภายในห้างสรรพสินค้า โดยบริษัทจะมีรายได้จากส่วนแบ่งค่าบริหารจัดการพื้นที่โฆษณาตามจำนวนที่ตกลงร่วมกันกับห้างสรรพสินค้าทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 59 บริษัทฯมีสินทรัพย์รวม 937.33 ล้านบาท หนี้สินรวม 658.24 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 279.09 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 840.06 ล้านบาท ลดลง 15.85% จาก 998.25 ล้านบาทในปี 58 โดยลดลงทั้งรายได้งานสำรวจออกแบบและติดตั้งเสาส่งสัญญาณ และงานสำรวจออกแบบสร้างระบบข่ายสาย
เนื่องจากผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมอีกรายได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์สำหรับเทคโนโลยี 4G ซึ่งเป็นคลื่นความถี่ต่ำ ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการได้กว้างกว่าคลื่นความถี่ 2100 เมกะเฮิรตซ์ ทำให้ใช้เสาส่งสัญญาณและติดตั้งเสาส่งสัญญาณน้อยลง รวมถึงระบบข่ายสายที่เร่งสร้าง ตั้งแต่ปี 58 ยังเพียงพอต่อการขยายตัวในปี 59 ทำให้มีการสร้างระบบข่ายสายลดลงตามไปด้วย
ขณะที่ในปี 59 บริษัทมีกำไรสุทธิ 74.65 ล้านบาท ลดลงจาก 91.90 ล้านบาทในปี 58 เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการบริหารกิจการเพิ่มขึ้น และอัตรากำไรขั้นต้นลดลง
ณ วันที่ 31 มี.ค.60 บริษัทมีทุนจดทะเบียนจำนวน 500,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,000,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยเป็นทุนที่ชำระแล้วจำนวน 375,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 750,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ภายหลังจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชน จำนวน 250,000,000 หุ้น บริษัทจะมีทุนชำระแล้วเพิ่มขึ้นเป็น 500,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 1,000,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 มี.ค.2560 คือ กลุ่มจุลศักดิ์ศรีสกุล ถือหุ้น 750 ล้านหุ้น คิดเป็น 100% หลังเสนอขาย IPO แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 75% ทั้งนี้ บริษัทจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังจากหักภาษีเงินได้และเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทแล้วในแต่ละปี