ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) และบริษัทในเครือ รายงานผลกำไรสุทธิไตรมาส 1/60 จำนวน 5.65 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนแม้ว่าได้รับผลกระทบจากปัจจัยด้านฤดูกาลของการชำระคืนเงินให้สินเชื่อ เนื่องจากมีปัจจัยขับเคลื่อนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย
ทั้งนี้ BAY มีกำไรสุทธิ 5.65 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 489 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.5% จากไตรมาส 4/59 และเพิ่มขึ้น 495 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 9.6% จากไตรมาส 1/59 โดยรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 4.3% จากไตรมาส 4/59 ปัจจัยหลักเกิดจากการเพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมจากธุรกิจเช่าซื้อ ธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง กองทุน และธุรกิจหลักทรัพย์ และกำไรสุทธิจากเงินลงทุน
ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.82% ปรับตัวดีขึ้นจาก 3.79% ในไตรมาส 4/59 สะท้อนถึงการบริหารต้นทุนทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ ด้วยการเพิ่มสัดส่วนเงินทุนต้นทุนต่ำ โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ อยู่ที่ 48.8% ปรับตัวดีขึ้นจาก 49.9% ในไตรมาส 4/59
ขณะที่เงินให้สินเชื่อ จำนวน 1.43 ล้านล้านบาท ลดลง 1.2% หรือลดลง 16.84 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นเดือน ธ.ค.59 มาจากปัจจัยด้านฤดูกาลในการชำระคืนเงินทุนหมุนเวียนของธุรกิจขนาดใหญ่ และการหดตัวตามปัจจัยด้านฤดูกาลในการใช้จ่ายของสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ขณะที่สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยเติบโตต่อเนื่องที่ 2.9% และ 2.0% ตามลำดับ
ด้านเงินรับฝาก มีจำนวนทั้งสิ้น 1.13 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.17 พันล้านบาท หรือ 1.5% จากสิ้นเดือน ธ.ค.59 ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของเงินรับฝากประจำที่มีอายุน้อยกว่า 1 ปี จำนวน 23.05 พันล้านบาท
สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) อยู่ที่ 2.33% ในเดือน มี.ค.60 อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 143.0% และอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง: อยู่ที่ 14.4% เทียบกับ 14.2% ณ สิ้นเดือน ธ.ค.59
นายโนริอากิ โกโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BAY กล่าวว่า กรุงศรียังคงเดินหน้าสร้างความเติบโตโดยสามารถรายงานผลกำไรสุทธิที่โดดเด่นในไตรมาส 1/60 ตอกย้ำการดำเนินภารกิจสำคัญในการขยายสินทรัพย์ ลดต้นทุนทางการเงินและเพิ่มรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งมีปัจจัยหลักจากการเพิ่มขึ้นของกำไรจากการดำเนินงานและการลดลงของเงินสำรอง สะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่งของกรุงศรีและพอร์ตสินเชื่อที่สมดุล
สำหรับแนวโน้มธุรกิจในปี 60 เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาสแรก ทำให้คาดว่าแนวโน้มนี้จะดำเนินต่อไปในทิศทางบวกในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากการเร่งการใช้จ่ายของภาครัฐ ภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตแข็งแกร่ง และแนวโน้มการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ เราคาดว่าภาคการบริโภคจะขยายตัวโดยได้รับอานิสงส์จากราคาสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้นและหนี้ครัวเรือนที่ลดลง ภายใต้สมมติฐานดังกล่าว ธนาคารจึงยังคงคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ 3.3% ซึ่งจะส่งผลสนับสนุนต่อการขยายตัวของสินเชื่ออย่างครอบคลุมที่ 6-8% ในปี 60
ณ วันที่ 31 มี.ค. BAY มีสินเชื่อรวม 1.43 ล้านล้านบาท เงินรับฝาก 1.13 ล้านล้านบาท และสินทรัพย์รวม 1.86 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 191.28 พันล้านบาทหรือเทียบเท่า 14.4% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นของเจ้าของคิดเป็น 11.9%