โบรกเกอร์ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) คาดกำไรสุทธิในงวด Q2/60 (ม.ค.-มี.ค.) ทำนิวไฮตามจำนวนผู้โดยสารที่เติบโตขึ้นราว 8% และคาดงวดงปี 60 (ต.ค.59 - ก.ย.60) กำไรจะเติบโต 7.5-11% มาที่ 21,034-21,700 ล้านบาท แม้งงวดไตรมาส 1/60 (ต.ค.-ธ.ค.59) จะได้รับผลกระทบจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ แต่สามารถฟื้นขึ้นมาได้เร็ว รวมทั้งได้นักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางเข้ามาทดแทนนักท่องเที่ยวจีนและเกาหลีที่ลดลง
ส่วนกรณีที่กรมธนารักษ์จะปรับขึ้นค่าเช่าที่ราชพัสดุซึ่งเป็นที่ตั้งของสนามบินทั้ง 6 แห่ง ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าจะสรุปผลในเดือน ก.ย.60 เบื้องต้นประมาณการปรับขึ้น 3-5% และมีผลอย่างเร็วในปีหน้า ดังนั้น ผลประกอบการในปีนี้จะไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว
ราคาหุ้น AOT ปิดเที่ยงวันนี้ ปิดที่ 41.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท (+1.21%) ขณะที่ SET เพิ่มขึ้น 0.32%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) กรุงศรี ซื้อ 46.00 ดีบีเอส วิคเกอร์สฯ ซื้อ 45.50 เคจีไอฯ ซื้อ 45.40 เมย์แบงก์กิมเอ็งฯ ถือ 43.00 ทรินีตี้ ซื้อเมื่ออ่อนตัว 42.00
นายปริญญ์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้น AOT ยังเป็นหุ้นที่ดีในกลุ่มขนส่งทางอากาศ เพราะมองว่าแนวโน้มกำไรงวดปีนี้ยังเติบโตต่อเนื่อง และคาดว่ารายได้และกำไรในไตรมาส 2/60 (ม.ค.-มี.ค.60) จะทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยคาดกำไรสุทธิที่ 5.97 พันล้านบาท (+7%yoy, +17%QoQ) ได้รับผลดีจากจำนวนผู้โดยสารเติบโต 8% yoy ขณะที่ทั้งปี 60 (ต.ค.59 - ก.ย.60) คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 21,034 ล้านบาท เติบโต 7.5% จากปีก่อน แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ แต่ก็มีนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นเข้ามาทดแทน
สำหรับในระยะต่อไปคาดว่า AOT จะเดินหน้าพัฒนาสนามบินนานาชาติทั้ง 6 แห่งเพื่อเพิ่มความสามารถในการรองรับผู้โดยสารโดยรวมเป็น 116 ล้านคนภายในปี 63 (+15% จากปัจจุบันที่ 101 ล้านคน) ตามอุปสงค์การเดินทางทางอากาศของไทยที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังคิดว่าประเด็นการ re-certified ใบอนุญาตการประกอบธุรกิจการบิน (AOC) ของ 25 สายการบินตั้งแต่เดือน ก.ย.59 จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยบวกสำหรับกลุ่มการบิน เนื่องจากจะช่วยสนับสนุนให้ ICAO ถอนธงแดงประเทศไทยได้ภายในครึ่งหลังของปี 60
ส่วนกรณีที่กรมธนารักษ์จะปรับขึ้นอัตราค่าเช่าที่ราชพัสดุซึ่งเป็นที่ตั้งสนามบินนั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจาและยังไม่สิ้นสุด คาดว่าจะมีผลอย่างเร็วในปีหน้า เพราะฉะนั้นในปีนี้เรื่องการปรับขึ้นค่าเช่าดังกล่าวจะยังไม่ได้รับผลกระทบ ดังนั้น จึงยังคงแนะนำ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมายคงเดิมที่ 45.40 บาท
นายสิทธิชัย ดวงรัตนฉายา นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า เริ่มเห็นสัญญาณจำนวนผู้โดยสาร (Traffic) เติบโตขึ้นในเดือน เม.ย.อย่างมีนัยสำคัญ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการสหรัฐไม่ให้ชาวตะวันออกกลางเข้าประเทศ ส่งผลให้ชาวตะวันออกลางบางส่วนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในเอเชีย รวมถึงประเทศไทยแทน โดยในเดือน มี.ค.ผู้โดยสารจากตะวันออกกลางเติบโตถึง 15% ช่วยทดแทนนักท่องเที่ยวจีนและเกาหลีที่หดตัวลงไปได้
ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรสุทธิในงวดปี 60 เติบโต 11% จากปีก่อนมาที่ 21,700 ล้านบาท โดยเติบโตต่อเนื่องจากงวดปี 58 ที่กำไรสุทธิเติบโต 32% และในปี 59 กำไรสุทธิเติบโต 22%
อย่างไรก็ตาม AOT ยังมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องกรมธนารักษ์จะปรับขึ้นค่าเช่าพื้นที่สนามบิน โดยเบื้องต้นคาดว่าจะปรับขึ้นค่าเช่า 3-5%
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาค่าเช่าที่ดินกับกรมธนารักษ์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนก.ย.60 นี้ แต่เชื่อว่าอัตราค่าเช่าใหม่จะไม่กระทบต่อผลประกอบการ AOT มากนัก เพราะทุกภาคส่วนพยายามที่จะหาข้อสรุปที่ดีกับทุกๆฝ่าย และไม่ส่งผลกระทบกับผู้ใช้บริการสนามบิน
โครงสร้างค่าเช่าใหม่ในเบื้องต้น ประกอบด้วย อัตราค่าเช่า 5% ของรายได้ในสนามบินที่มีกำไร ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ และภูเก็ต และอัตราค่าเช่า 2% สำหรับสนามบินเชียงรายและหาดใหญ่ รวมทั้งคิดค่าเช่าต่อมูลค่าพื้นที่ที่ไม่ใช่สนามบินด้วย เช่น พื้นที่ส่วนอาหาร & เครื่องดื่ม และพื้นที่เชิงพาณิชย์อื่นๆ เป็นต้น สำหรับการเรียกเก็บค่าปรับอันเกิดจากการนับระยะเวลาสัญญาที่แตกต่างระหว่าง AOT กับกรมธนารักษ์จำนวน 20.7 พันล้านบาทที่ยังอยู่ระหว่างเจรจาเช่นกัน
ดีบีเอส ยังคงคำแนะนำซื้อ AOT โดยให้ราคาพื้นฐาน 45.50 บาท (ไม่รวมผลกระทบจากการปรับเพิ่มค่าเช่าตามอัตราใหม่ & ค่าปรับย้อนหลัง เพราะบริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจากับกรมธนารักษ์) อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลกระทบจะไม่รุนแรงมาก ดังที่ได้วิเคราะห์ความอ่อนไหวไว้ข้างต้น