นางสาววันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เอสพีซีจี (SPCG) กล่าวว่า บริษัทตั้งงบลบทุนในปีนี้ไว้ราว 1,000-2,000 ล้านบาท โดยมีแผนลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในญี่ปุ่นเพื่อร่วมลงทุนในโครงการโซลาร์ฟาร์มขนาดกำลังการผลิตมากกว่า 100 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในไตรมาส 2 หรือไตรมาส 3 ของปีนี้
ขณะเดียวกัน บริษัทก็ยังมองหาโอกาสการลงทุนด้านพลังงานทดแทนเพิ่มเติมในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยสนใจการลงทุนในฟิลิปปินส์ ,เวียดนาม และเมียนมา ซึ่งขณะนี้ก็มีการเจรจากับพันธมิตรหลายรายอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
ที่ผ่านมา SPCG ขยายการลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มไปยังประเทศญี่ปุ่น โดยพัฒนาโครงการในพื้นที่ใกล้อุทยานแห่งชาติภูเขาไฟไดเซน กำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ คาดว่าการพัฒนาจะแล้วเสร็จตามแผนงานในปี 61 ซึ่งบริษัทตั้งเป้าจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์ฟาร์มเพิ่มขึ้นเป็น 500 เมกะวัตต์ภายในปี 62 จากปัจจุบันได้ติดตั้งโซลาร์ฟาร์มและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เข้าสู่ระบบครบทั้ง 36 แห่ง ตั้งอยู่ใน 10 จังหวัดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กำลังการผลิตรวมกว่า 260 เมกะวัตต์
นางสาววันดี กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโตไม่น้อยกว่า 6,000 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 5,544 ล้านบาท โดยจะมีสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจโซลาร์รูฟ 30% และธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม 70%
"ทิศทางการดำเนินงานปีนี้ เรามั่นใจว่าการขยายการลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ จะสร้างการเติบโตที่ดีให้กับบริษัทฯ โดยในประเทศก็จะเป็นเรื่องของโซลาร์รูฟ โดยปีนี้เราคาดว่าจะมีรายได้ราว 1,500 ล้านบาท ส่วนต่างประเทศก็จะเป็นโซลาร์ฟาร์ม ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ระหว่างเจรจาเพื่อร่วมลงทุนกับพันธมิตรในประเทศญี่ปุ่น ก็จะเป็นโครงการขนาดใหญ่มาก ประกอบกับเราก็ยังคงมองโอกาสการลงทุนในประเทศอาเซียนเพิ่มเติมอีก"นางสาววันดี กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/60 น่าจะใกล้เคียงกับไตรมาส 1/59 เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นของการรับรู้รายได้จากโครงการโซลาร์ฟาร์ม แต่เชื่อมั่นว่าจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 2/60 เป็นต้นไป