นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยเช้านี้ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียต่างอยู่ในแดนบวกกันทั่วหน้า เช่นเดียวกับดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่เช้านี้อยู่ในแดนบวก ภายหลังผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของฝรั่งเศสรอบแรก ออกมาเป็นไปตามคาด โดยมีนายเอมมานูเอล มาครอง และนางมารีน เลอเปน เป็น 2 ผู้สมัครที่มีคะแนนสูงสุด ต่อไปก็ให้รอดูผลการเลือกตั้งในวันที่ 7 พ.ค.อีกที ซึ่งผลโพลออกมาว่า นายเอมมานูเอล มาครอง น่าจะชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ ซึ่งนั่นก็ทำให้ไม่มีแรงกดดันเรื่องการแยกตัวจากสหภาพยุโรป
นอกจากนี้ก็ให้ติดตามดูฝั่งเกาหลีเหนือที่จะครบรอบ 85 ปี อาจจะมีการซ้อมรบก็ได้ และติดตามการออกมาตรการลดภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ รวมถึงเพดานหนี้ของสหรัฐฯด้วยที่เต็มแล้ว และคงจะต้องขยายออกไป ส่วนในวันพฤหัสบดีนี้ (27 เม.ย.) ก็จะมีการประชุมธนาคารกลายยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งคิดว่าไม่น่าจะมีอะไร และในวันศุกร์ (28 เม.ย.) ให้ติดตามตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) งวดไตรมาส 1/60 ของสหรัฐฯ ซึ่งตลาดฯคาดว่าจะออกมาแย่
พร้อมให้แนวรับ 1,567-1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,575-1,583 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (21 เม.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,547.76 จุด ลดลง 30.95 จุด (-0.15%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,910.52 จุด ลดลง 6.26 จุด (-0.11%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,348.69 จุด ลดลง 7.15 จุด (-0.30%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 269.63 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 8.90 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 143.74 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 25.50 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 10.46 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 17.06 จุด
ส่วนตลาดหุ้นมาเลเซีย ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวัน Coronation of the 15th King of Malaysia
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 เม.ย.60) 1,570.02 จุด เพิ่มขึ้น 3.74 จุด (+0.24%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 911.06 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 เม.ย.60
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (21 เม.ย.60) ปิดที่ 49.62 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.09 ดอลลาร์ หรือ 2.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 เม.ย..60) ที่ 7.29 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.32 แข็งค่า ขานรับผลเลือกตั้งปธน.ฝรั่งเศสรอบแรก มองกรอบวันนี้ 34.30-34.40
- วันนี้ น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า จะแถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยประจำเดือน มี.ค. 2560 โดยการส่งออกเดือน มี.ค. 2560 มีมูลค่า 2.08 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 9.22% ซึ่งเป็นตัวเลขส่งออกที่สูงสุดของปี 2560
- รฟท.ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อศึกษาการปรับโครงสร้าง รฟท. และแนวทางการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ เพื่อฟื้นฟูกิจการและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าในช่วง 6 ปีแรก ระหว่างปี 2560-2565 จะสามารถสร้างรายได้ ไม่ต่ำกว่า 6 หมื่นล้านบาท เพื่อนำไปใช้หักลบ หนี้สะสมที่มีอยู่ 1.07 แสนล้านบาทได้
- รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า เตรียมเชิญบริษัท ทีโอที และบริษัท กสท โทรคมนาคม (แคท) มาหารือแนวทางร่วมกันผลักดันโครงการเคเบิลใยแก้วนำแสงใต้น้ำ หรือซับมารีนเคเบิล เนื่องจากเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ และใช้งบประมาณสูง รวมทั้งเป็นโครงการลงทุนสำคัญเพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานประเทศ เนื่องจากทั้งสองบริษัทต่างมีการลงทุนในโครงการดังกล่าวซึ่งมีเส้นทางไม่ซ้ำกันโดยจะนำรายละเอียดของโครงการเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ดดีอี) ภายในเดือน พ.ค.นี้
- ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูลสาเหตุขาดดุลการค้าตามคำสั่งพิเศษประธานาธิบดี (Executive Order) เพื่อเตรียมชี้แจงกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ โดยเริ่มทยอยหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงภาคธุรกิจที่ทำการค้าและการลงทุนกับสหรัฐ ซึ่งจะส่งคำตอบกลับภายในวันที่ 10 พ.ค.นี้
- ธนาคารแห่งประเทศไทย รายงานภาคธุรกิจเอกชนที่ขอเปิดร้านรับแลกเงินตราต่างประเทศและได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจในเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้น 112 แห่ง หรือ 6.02% เป็น 1,972 แห่ง เพิ่มจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี 1,860 แห่ง
*หุ้นเด่นวันนี้
- AP (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 8.60 บาท กำไรจาก JV เริ่มเข้ามาตั้งแต่ 1Q60 หนุนกำไรเติบโต +27% y-y ที่ 530 ล้าบาท สวนทางกลุ่ม ขณะที่การเปิดโครงการ Lift ลาดพร้าว 7.6 พันล้านบาท และ Lift One Wireless 6.4 พันล้านบาท ในเดือน พ.ค.-มิ.ย.นี้ และ JV Condo ใน 3Q60 มูลค่า 6 พันล้านบาท
- BEM (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 10.5 บาท แนวโน้มกำไร 1Q60 น่าจะฟื้นตัวดี คาด +27% Q-Q, +7% Y-Y จากปริมาณจราจรในธุรกิจทางด่วนที่เพิ่มขึ้นทุกเส้นทาง บวกกับการขยายตัวของจำนวนผู้โดยสารในธุรกิจรถไฟฟ้า และรายได้การเดินรถสายสีม่วง BEM ได้เซ็นสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสีน้ำเงินส่วนต่อขยายแล้ว คาดทยอยเปิดบริการตั้งแต่ภายในปี 2562 และเปิดเต็มเส้นปี 2563
- PLANB (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 6.30 บาท คาดกำไร 1Q60 กลับมาดีขึ้น +55% Q-Q, +48.9% Y-Y ตามการขยายตัวของตลาดสื่อโฆษณานอกบ้าน และมีการใช้กำลังผลิตสื่อโฆษณาที่ได้พัฒนาในปีก่อนๆมากขึ้น และได้ส่วนแบ่งรายได้เต็มปีจากการบริหารสิทธิประโยชน์สมาคมฟุตบอลฯ
- BAY (แอพเพิล เวลธ์) "ซื้อ"เป้า 44 บาท กำไรสุทธิ 1Q60 ใกล้เคียงคาดที่ 5.6 พันลบ. +10%YoY +10%QoQ และ NIM ทรงตัวได้ดีเทียบกับอุตสาหกรรม, NPL ยังต่ำที่ 2.3%
- IRPC (โกลเบล็ก) "ซื้อ"เป้า 5.85 บาท IRPC Bloomberg Consensus คาดกำไร 1Q60 อยู่ที่ราว 1.58 พันล้านบาท -6%QoQ และ -47%YoY เนื่องจากมีการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในเดือน ก.พ.-มี.ค. อีกทั้งค่าการกลั่นที่ปรับตัวลงราว 0.5-1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลตามส่วนต่างน้ำมันสำเร็จรูปที่อ่อนตัวลง และคาดว่าจะมีขาดทุนจากสต๊อกเนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวลง 6% จากต้นปี พร้อมคาดกำไรปี 60 จะอยู่ที่ราว 1.02 หมื่นล้านบาทเติบโต 5%YoY โดยกำไรจะต่ำสุดใน 1Q60 และจะปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ 2Q60 เป็นต้นไป นอกจากนี้ 3Q60 คาดว่าโรงงาน Propylene 2 จะเริ่ม COD ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนต่อผลประกอบการเพิ่มเติม ทั้งนี้คาดกำไรปี 61 จะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการรับรู้รายได้โรงกลั่น UHV และโรงงาน Propylene 2 เต็มปี