โบรกเกอร์ เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) มองเป็นหุ้น Defensive ที่น่าลงทุน ด้วยผลการดำเนินงานปีนี้เติบโตดีต่อเนื่องตามการขยายสาขาใหม่เพิ่มอีก 700 สาขาเพื่อไปถึงเป้าหมาย 10,000 สาขาภายในปีนี้ และต่อไปก็จะมีการขยายสาขาปีละ 700 สาขา ซึ่งจะทำให้ CPALL ยังคงเติบโตได้ดีในระยะต่อไป
สำหรับผลดำเนินงานไตรมาส 1/60 คาดกำไรสุทธิในช่วง 4,462-4,676 ล้านบาท แม้จะเติบโตไม่มากจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 4,065 ล้านบาท แต่เป็นการเติบโตอย่างสม่ำเสมอ ทั้งจากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่น่าจะบวกได้เล็กน้อย สวนทางกลุ่มค้าปลีกที่คาด SSSG จะติดลบ และยังเปิดสาขาใหม่ในอัตราเร่งตัวอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงคาดกำไรของ MAKRO จะเติบโตได้เช่นเดียวกัน ซึ่งจะช่วยหนุนผลดำเนินงานโดยรวม และภาระดอกเบี้ยจ่ายค่อย ๆ ลดลงจากการออก Perpetual Bond ส่งผลดีต่ออัตราหนี้สินต่อทุน เนื่องจากจัดไว้ในส่วนของผู้ถือหุ้น ไม่ผ่านงบกำไรขาดทุน
นอกจากนั้นยังคาดว่าการเติบโตของ CPALL ยังดีต่อเนื่องไปในไตรมาส 2/60 เนื่องจากเป็นฤดูร้อนที่ร้านสะดวกซื้อจะจำหน่ายเครื่องดื่มได้ดี และยาวไปถึงครึ่งปีหลังที่มักจะมีการส่งเสริมการขายที่ได้รับความนิยมในทุก ๆ ปี
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 60 ที่ 18,873-19,737 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 59 ที่มีกำไรสุทธิ 16,677 ล้านบาท โดยมาจากการขยายสาขาเพิ่มขึ้น และธุรกิจ MAKRO ก็ดีขึ้น
ราคาหุ้น CPALL ล่าสุดอยู่ที่ 61.00 บาท ลดลง 0.75 บาท (-1.21%) ขณะที่ดัชนี SET ลดลง 0.57%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อ 72.50 ทรีนีตี้ ซื้อ 71.00 เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 73.00 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 74.00 บัวหลวง ซื้อ 73.50
น.ส.ศศิกร เจริญสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ให้เหตุผลแนะนำ"ซื้อ"หุ้น CPALL มองเป็นหุ้น Defensive ที่น่าลงทุน เนื่องจากผลการดำเนินงานมีการเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง และ CPALL ก็ได้ลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวจีนได้ค่อนข้างดี จากที่ CPALL รับชำระเงินด้วยบัตรเครดิต นอกจากนี้ปีนี้ CPALL ก็จะขยายสาขาใหม่อีก 700 สาขา ซึ่งจะทำให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ 10,000 สาขา และต่อไปก็จะมีการขยายสาขาปีละ 700 สาขาเหมือนเดิม ทำให้ CPALL ยังคงมีการเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/60 ก็คาดว่า CPALL จะเติบโตได้ดี และดีต่อเนื่องไปในไตรมาส 2/60 ด้วย เนื่องจากในช่วงไตรมาส 1-2 อากาศร้อนทำให้สินค้าประเภทเครื่องดื่ม และของเย็นภายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่นขายดี
พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2560 ไว้ที่ 19,678 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่มีกำไรสุทธิ 16,677 ล้านบาท โดยมาจากการขยายสาขาเพิ่มขึ้น และธุรกิจของบมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มก็ดีขึ้นด้วย
ส่วนบล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์แนะนำ"ซื้อ"หุ้น CPALL โดยคาดว่ากำไรสุทธิ ไตรมาส 1/60 จะโตต่อเนื่องมาอยู่ที่ 4,462 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.7% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 9.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้จะเติบโตไม่มากแต่เป็นการเติบโตอย่างสม่ำเสมอ โดยมาจาก SSSG ที่น่าจะบวกได้เล็กน้อย สวนทางบริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจเดียวกันที่คาด SSSG จะติดลบ และยังเปิดสาขาใหม่ในอัตราเร่งอย่างต่อเนื่อง รวมถึงคาดกำไรของ MAKRO จะเติบโตได้เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้คาดว่าภาระดอกเบี้ยจ่ายในไตรมาสนี้จะลดลง ภายหลังจากที่ CPALL ได้ออก Perpetual Bond 1 หมื่นล้านบาท เพื่อรีไฟแนนซ์หุ้นกู้เดิมที่ครบกำหนดในเดือนมี.ค. โดยดอกเบี้ยจาก Perpetual Bond จะถูกรับรู้เป็นส่วนของผู้ถือหุ้นในงบดุล โดยไม่ผ่านงบกำไรขาดทุน แนวโน้มกำไรจะดีต่อเนื่องในไตรมาส 2/60 และคาดทำจุดสูงสุดของปีในช่วงไตรมาส 4/60 สอดคล้องกับปัจจัยฤดูกาล โดยยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2560 ไว้ที่ 19,737 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.4% จากปีก่อน และคงราคาเป้าหมายที่ 74 บาท
ขณะที่บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์แนะ"ซื้อ"หุ้น CPALL โดยประมาณการกำไรสุทธิไตรมาส 1/60 จำนวน 4,676 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.4% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 16.7% จากงวดปีก่อน ซึ่งอาจจะไม่มีปัจจัยที่ทำให้ตื่นเต้น แต่นับว่ายังโตต่อเนื่องสม่ำเสมอ ปัจจัยหนุนหลักจากรายได้จากการขายที่คาดเติบโต 8.5% จากงวดปีก่อน จากอัตราการเติบโตของสาขาเดิมของร้านสะดวกซื้อราว 1.5% ถึงแม้จะบวกเล็กน้อยและแย่กว่าไตรมาส 1/59 ที่มีอัตราเติบโต 2.6% แต่เป็นทิศทางที่สวนทางกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมค้าปลีกที่คาดว่าจะเป็นระดับติดลบ นอกจากนี้ CPALL ยังเติบโตจากการขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการเติบโตของ MAKRO ด้วย
อัตรากำไรขั้นต้น ของ CPALL คาดว่าจะเพิ่มขึ้นราว 30 bps จากไตรมาส 1/59 แต่ทรงตัวจากไตรมาส 4/59 อยู่ที่ 21.9% จากการรักษาสัดส่วนการขายสินค้า ,อัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย (SG&A/Sales) 18.5% ทรงตัวจากไตรมาส 1/59 แต่ลดลง 90 bps จากไตรมาส 4/59 และภาระดอกเบี้ยจ่ายค่อย ๆ ลดลง จากการออก Perpetual Bond ส่งผลดีต่ออัตราหนี้สินต่อทุน เนื่องจาก Perpetual Bond ถูกจัดอยู่ในส่วนของผู้ถือหุ้นในงบแสดงฐานะการเงินของบริษัท โดยไม่ผ่านงบกำไรขาดทุน
นอกจากนี้ ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะดีต่อเนื่องในไตรมาส 2/60 เนื่องจากเป็นฤดูร้อนที่ร้านสะดวกซื้อจะจำหน่ายสินค้า โดยเฉพาะประเภทเครื่องดื่มได้ดี และยาวไปถึงช่วงครึ่งปีหลังที่มักจะมีการส่งเสริมการขายที่ได้รับความนิยมเข้ามาในทุก ๆ ปี เช่น โปรโมชั่นสะสมแสตมป์แลกของต่าง ๆ และการขยายสาขาปีละ 700 สาขา อีกทั้งการออก Perpetual Bond ช่วยลดภาระดอกเบี้ยลงตลอดปี พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 2560 ที่ 18,873 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.2% จากปีก่อน
ด้าน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กำไรของ CPALL จะได้รับแรงหนุนจากการรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ผ่านการออก Perpetual Bond มูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท ช่วยลดดอกเบี้ยได้ราวไตรมาสละ 100 ล้านบาทเต็มไตรมาส เนื่องจากไม่ต้องบันทึกเป็นดอกเบี้ยจ่าย ผลักดันให้กำไรโดยรวมเติบโตสูงขึ้นเป็นระดับสูงสุดใหม่ได้