CKP คาดสรุปผลเจรจาเข้าลงทุนโครงการพลังน้ำใหญ่กว่าแสนลบ.ในลาว H2/60 พร้อมดึงพันธมิตรร่วม

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 25, 2017 17:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีเค พาวเวอร์ (CKP) คาดว่าจะได้ข้อสรุปการได้ขอสิทธิสัมปทานโครงการพัฒนาพลังน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ระหว่างการเจรจาตรงกับรัฐบาลของ สปป.ลาว ในช่วงครึ่งหลังปี 60

โครงการดังกล่าวมีขนาดใหญ่ใกล้เคียงกับโครงการไซยะบุรีที่มีขนาดกำลังการผลิต 1,285 เมกะวัตต์ โดยใช้เงินลงทุน (รวมเงินกู้) ประมาณ 1.3 แสนล้านบาท โดยหากเจรจาสำเร็จก็จะทำการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการและสำรวจพื้นที่ คาดว่าจะใช้เวลา 1 ปี ในระหว่างนั้นบริษัทก็จะเจรจาหาพันธมิตรเข้ามาร่วมพัฒนาโครงการ โดย CKP ต้องการถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 30% ทั้งนี้ ขึ้นกับเงินทุนที่มีอยู่ด้วย

ส่วนโครงการพลังน้ำไซยะบุรี ซึ่งปัจจุบัน CKP ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 30% โดยยังเหลือเงินที่ต้องลงทุนในส่วนของผู้ถือหุ้นอีกกว่า 3 พันล้านบาทก่อนจะจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในเดือน ต.ค.62 ขณะที่ CKP มีแผนจะเจรจาซื้อหุ้นโครงการไซยะบุรีในส่วนที่ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้า (BEM) ที่ถืออยู่ราว 7.5% ก่อนจะถึงกำหนด COD ซึ่งคาดว่าจะใช้กระแสเงินสดและการระดมทุนด้วยการออกหุ้นกู้

นายธนวัฒน์ คาดว่า จะติดตั้งและผลิตไฟฟ้าสำหรับ Unit 1 ของโครงการพลังน้ำไซยะบุรี (XPCL) ในช่วงปลายปี 61 และจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตามแต่เฟสของการพัฒนาโครงการ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้โครงการเสร็จสิ้นทั้งหมด ซึ่งโครงการนี้ประกอบด้วย 7 Unit สัญญาขายไฟฟ้า 29 ปี ขณะนี้งานก่อสร้างคืบหน้าไป 80% และความเสี่ยงของานก่อสร้างหลักไม่มีแล้ว

สำหรับโครงการในอนาคตนั้น ในส่วนของโครงการในประเทศ บริษัทพร้อมเข้าร่วมประมูลโครงการพลังงานความร้อนร่วม รวมถึงโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ส่วนราชการและสหกรณ์

ขณะที่โครงการในต่างประเทศ บริษัทเห็นว่า สปป.ลาวมีศักยภาพโครงการพลังงานน้ำ และบริษัทได้เจรจาตรงกับรัฐบาล สปป.ลาว โดยที่ผ่านมาบริษัทมีประวัติที่เคยทำมา 2 โครงการ ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยได้จนกว่ารัฐบาล สปป.ลาวให้เก็บข้อมูล นอกจากนี้ บริษัทยังเห็นศักยภาพในเมียนมาด้วย

ทั้งนี้ CKP ยังคงเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ 5,000 เมกะวัตต์ภายในปี 68 จากปัจจุบันที่มีกำลังผลิต 2,160 เมกะวัตต์

ผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ นายธนวัฒน์ คาดว่ารายได้ในช่วงครึ่งปีหลังปีจะดีกว่าครึ่งแรก เพราะโครงการไฟฟ้าระบบความร้อนร่วม (Cogeneration) แห่งที่ 2 (BIC2) ที่มีกำลังผลิต 120 เมกะวัตต์ จะเริ่ม COD ในเดือน มิ.ย. 60 คาดจะรับรู้รายได้ใกล้เคียงกับ BIC1 ที่รับรู้รายได้ราว 2 พันล้านบาท

ด้านนายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหาร CKP กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะมีกำไรทุกไตรมาสของปี 60

ส่วนการจัดหาเงินทุน ปีนี้ CKP จะให้มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (เครดิต) เพื่อออกและเสนอขายหุ้นกู้ คาดว่าจะทำให้มีต้นทุนการเงินดีขึ้นหลังมีผลการจัดอับเครดิต โดยปีก่อน CKP ได้ออกหุ้นกู้แบบไม่มีอันดับเครดิต อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4% และยังเหลือวงเงินที่สามารถออกหุ้นกู้ได้อีก 6 หมื่นล้านบาท ส่วนโครงการใหม่นั้นจะมีการตั้งบริษัทลูกมาบริหารและเป็นผู้กู้ โดยใช้ตัวโครงการเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน

อนึ่ง CKP มีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 0.94 เท่า ณ สิ้นปี 59


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ