(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นรีบาวด์รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันขึ้น-ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 26, 2017 09:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะยืนระดับได้และมีลุ้นรีบาวด์ขึ้นหลังจากที่ได้ปรับตัวลงไปค่อนข้างมากแล้ว โดยกลุ่มแบงก์ปรับตัวลงไปเกือบ 5% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จากความกังวลเรื่องปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่เพิ่มขึ้น แม้งบฯจะออกมาเป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ แต่เรื่องนี้ตลาดฯก็ได้ตอบรับไปแล้ว

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันก็รีบาวด์ขึ้นด้วย และนักลงทุนต่างชาติก็ได้เข้ามาซื้อสุทธิ 2 วันติดต่อกัน ซึ่งก็น่าจะช่วยกระตุ้นให้เกิดแรงซื้อเข้ามาได้บ้าง เพราะที่ผ่านมามองว่านักลงทุนขายลดความเสี่ยงมากกว่า

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวกเล็กน้อยเฉลี่ยราว 0.1-0.3% พร้อมให้ติดตามนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่มีการประชุมกันในวันนี้และพรุ่งนี้ ส่วนการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ และให้ติดตามแผนปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ที่จะประกาศออกมาในวันนี้ด้วย

พร้อมให้แนวรับ 1,560 ถัดไป 1,553-1,554 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,572-1,575 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (25 เม.ย.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,996.12 จุด พุ่งขึ้น 232.23 จุด (+1.12%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,025.49 จุด เพิ่มขึ้น 41.67 จุด (+0.70%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,388.61 จุด เพิ่มขึ้น 14.46 จุด (+0.61%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 105.59 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.65 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 107.31 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 17.40 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 5.52 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 18.67 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.98 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (25 เม.ย.60) 1,562.27 จุด ลดลง 2.39 จุด (-0.15%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,138.87 ล้านบาท เมื่อวันที่ 25 เม.ย.60
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (25 เม.ย.60) ปิดที่ 49.56 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 33 เซนต์ หรือ 0.7%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (25 เม.ย..60) ที่ 6.55 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 34.43 อ่อนค่าจากวานนี้ นลท.จับตามาตรการปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯคืนนี้
  • คมนาคมเตรียมดันทางด่วนขั้น 3 "รัตนาธิเบศร์นวมินทร์"สั่งศึกษาเพิ่มเชื่อมรถไฟฟ้า-บีอาร์ที ช่วงเกษตร-นวมินทร์ คาดเปิดประมูลปลายปี ขณะการรถไฟฯเตรียมเปิดประมูลรถไฟทางคู่ "หัวหิน-ประจวบฯ" ในสัปดาห์หน้า หลังเปิดรับฟังความเห็นรอบสองในสัปดาห์นี้
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานภาพรวมสินเชื่อเดือน มี.ค.นี้ว่า มีอัตราการขยายตัวเพียง 1.75% มียอดคงค้าง 10.5 ล้านล้านบาท โดยลูกหนี้รายใหญ่คืนเงินกู้และหันไประดมทุนตรงด้วยการออกหุ้นกู้ รวมทั้งชะลอการเบิกสินเชื่อใหม่
  • รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังกลับจากการประชุมคณะกรรมการพัฒนาการของธนาคารโลกครั้งที่ 95 ที่สหรัฐว่าธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แสดงความเป็นห่วงโครงสร้างเศรษฐกิจไทยในระยะ 10 ปีข้างหน้าที่จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ขณะที่ประชากรในประเทศไทยมีรายได้อยู่ในระดับต่ำ อาจจะทำให้มีปัญหา ไม่เหมือนกับกรณีประเทศญี่ปุ่นที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมาระยะหนึ่งแล้ว แต่รายได้ของประชากรค่อนข้างสูง โดยรัฐบาลรับข้อเสนอและพร้อมที่จะดำเนินการจริงจัง
  • คลังเตรียมยกเครื่องกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจใหม่ หลังธนาคารโลกแสดงความเห็นกฎหมายยังไม่เป็นสากล ไม่ครอบคลุมการทำธุรกิจอีกหลายเรื่อง หวั่นกระทบการจัดอันดับ Doing Business

*หุ้นเด่นวันนี้

  • ERW (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 6 บาท คาดกำไร Q1/60 เติบโตแข็งแกร่ง 99.9% Q-Q และ 7.4% Y-Y หนุนโดย High Season ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและสถานการณ์ในประเทศที่เป็นปกติ ขณะที่ช่วง Q2/60-Q3/60 คาดยังคงมีกำไรต่อเนื่องแม้เป็น Low Season จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ยังเติบโตโดยเฉพาะรัสเซียและจีนฟื้น โดยยังคงประมาณการกำไรปกติปี 60 เติบโต 20.6% Y-Y
  • ESSO (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 15.5 บาท จาก 1) ค่าการกลั่นสูง US$6.5/bbl และ ประสิทธิภาพการกลั่นดีขึ้นหนุนกำไร Q1/60 เติบโต และกำไรทั้งปี +60% 2) ค่าการตลาดสูง หนุนธุรกิจปั๊มน้ำมันกว่า 500 ปั๊ม 3) PE 6x ต่ำที่สุดในกลุ่มพลังงาน 4) คาดล้างขาดทุนสะสมหมดกลางปีนี้ และกลับมาจ่ายปันผลได้
  • IRPC (ยูโอบี เคย์เฮียน) ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/60 คาดแย่สุดจากการปิดซ่อม CDU เป็นเวลา 30 วัน และ UHV เป็นเวลา 2 เดือน อย่างไรก็ตาม แนวโน้มกำไรอาจไมได้แย่อย่างที่เราเคยกังวลจากค่าการกลั่นรวม (GIM) ที่สูงถึง 13-14 เหรียญ/บาร์เรล และคาดกำไรฟื้นตัวโดดเด่นตั้งแต่ Q2/60 เป็นต้นไป
  • TU (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดกำไรเติบโต 17% สูงสุดในกลุ่มอาหาร ได้ประโยชน์จากภาพใหญ่ของบาทที่อ่อนค่า อีกทั้งเข้าสู่ช่วง high season ไตรมาส 2-3 ต้นทุนมีผลกระทบจากโภคภัณฑ์น้อยกว่าเนื้อสัตว์บก

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ