นางสาวเอื้อพันธ์ เพ็ชราภรณ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยว่า การลงทุนในกองทุนรวมทั้งกองทุนที่ส่งเสริมการลงทุนระยะยาวพร้อมสิทธิประโยชน์ทางภาษี อย่างกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) หรือแม้แต่กองทุนหุ้นทั่วไป ผู้ลงทุนควรมีการวางแผนลงทุนตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ควรรอลงทุนเฉพาะช่วงปลายปี ซึ่งมักเป็นช่วงที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นสูง แต่ควรทยอยลงทุนในระหว่างปีเพื่อหาจังหวะที่เหมาะสมในช่วงที่ดัชนีหุ้นย่อตัวลง หรืออาจเลือกลงทุนแบบเฉลี่ยต้นทุน (Dollar Cost Average) ด้วยการลงทุนอย่างสม่ำเสมอเป็นรายเดือน ซึ่งวิธีนี้จะช่วยเฉลี่ยราคาต้นทุนของหน่วยลงทุนให้ถูกลง และยังเหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาติดตามสถานการณ์ หรือไม่สามารถจับจังหวะการลงทุนด้วยตนเองอยู่ตลอดเวลา
“การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงอย่างเช่นหุ้น การจับจังหวะเข้าลงทุนได้อย่างถูกต้องตลอดเวลานั้นอาจเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก โดยเฉพาะนักลงทุนมือใหม่หรือผู้ที่ยังมีประสบการณ์ในการลงทุนไม่มากนัก ดังนั้น การซื้อกองทุนอย่างสม่ำเสมอในทุก ๆ เดือน เป็นวิธีการลงทุนที่ตอบโจทย์ ซึ่งนอกจากจะเป็นการสร้างวินัยการลงทุนที่ดีแล้ว ยังเป็นการช่วยกระจายความเสี่ยงของความผันผวนของราคาด้วย"นางสาวเอื้อพันธ์ กล่าว
นางสาวเอื้อพันธ์ กล่าวว่า บลจ.กสิกรไทยมีบริการ K-Saving Plan หรือบริการซื้อหน่วยลงทุนอย่างสม่ำเสมอเพื่อเสนอให้กับลูกค้าที่สนใจ โดยสามารถเลือกตัดเงินผ่านบัญชีออมทรัพย์หรือผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทย ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป และสามารถเลือกระบุวันที่ต้องการให้ตัดเงินได้ระหว่างวันที่ 15-31 ของทุกเดือน
บลจ.กสิกรไทย ยังจัดโปรโมชั่นให้ผู้ที่ลงทุนในกลุ่มกองทุน LTF, กลุ่มกองทุน RMF และกลุ่มกองทุน K-Plan (ยกเว้นกองทุน K-Plan 1) โดยลงทุนผ่านบริการ K-Saving Plan เป็นครั้งแรกในแต่ละกลุ่มกองทุน ในระหว่างวันที่ 17 เม.ย.-30 มิ.ย.60 ผู้ลงทุนจะได้รับเงินคืน 0.2% (แต่สูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท) จากยอดเงินลงทุนผ่าน K-Saving Plan ที่หักบัญชีได้ครั้งแรก รวมกับยอดลงทุนสุทธิในช่องทางอื่นๆ ในกลุ่มกองทุนเดียวกันในระหว่างระยะเวลาส่งเสริมการขาย