โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) จากแนวโน้มกำไรปี 60 จะเติบโตสูงต่อเนื่องจากปีก่อน ตามแผนการรุกขยายตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในจีนที่มีแนวโน้มเติบโตดี และตลาดในประเทศที่ยังสดใส นอกจากนี้การเริ่มเดินเครื่องผลิตของโรงงานใหม่ในปีนี้ และยังเป็นโรงงานที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากบีโอไอเป็นเวลา 7 ปี ก็ช่วยสนับสนุนการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรสุทธิด้วย
ทั้งนี้ TKN ยังมีแผนที่จะบุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งคาดการณ์ว่าในช่วง 3 ปีนับจากนี้ยอดขายในตลาดต่างประเทศจะโตเฉลี่ยปีละ 32% โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของตลาดจีนที่มีขนาดใหญ่ และมีโอกาสเติบโตสูง ยอดขายของประเทศอินโดนีเซียที่กลับมาเติบโตอีกครั้ง และการขยายตลาดเข้าไปในอเมริกาเพื่อสนับสนุนการเป็นแบรนด์ระดับโลก
ส่วนตลาดในประเทศนั้น ยังคงมีความต้องการบริโภคสาหร่ายอย่างต่อเนื่อง สะท้อนผ่านมูลค่าตลาดสาหร่ายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.4% ในปี 59 ขณะที่ยอดขายของ TKN ปรับตัวสูงขึ้นถึง 12.2% ส่งผลให้ส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มเป็น 66.2% และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเป็น 70% ในปีนี้
ราคาหุ้น TKN เปิดภาคบ่ายที่ 22.80 บาท ลดลง 0.30 บาท (-1.30%) ขณะที่ SET Index -0.01%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) กสิกรไทย ซื้อ 33.00 ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ซื้อ 32.00 บัวหลวง ซื้อ 30.75
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการของ TKN ในปีนี้จะเติบโตราว 40.3% มาที่ 1,097 ล้านบาท เติบโต 40.3% จากปีก่อน ตามการขยายตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดจีนที่มีแนวโน้มเติบโตดี
"ถึงแม้ว่าปัจจุบันระดับ P/E ของ TKN จะอยู่ในระดับสูง แต่เราก็ยังคงแนะนำให้ซื้อ เพราะแนวโน้มการเติบโตของ TKN ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปี ต่อจากนี้ที่มีกำลังการผลิตใหม่เข้ามา และได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีด้วย"นายประกิต กล่าว
บทวิเคราะห์ของ บล.กสิกรไทย ประเมินว่ากำไรสุทธิไตรมาส 1/60 ของ TKN จะอยู่ที่ระดับ 195 ล้านบาท ลดลง 16.6% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 20.7% จากงวดปีก่อน โดยการลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนเป็นผลมาจากยอดขายที่ปรับตัวลดลงในช่วงโลว์ซีซั่น ขณะที่การเติบโตจากงวดปีก่อนมีแรงหนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ คาดว่าจะมีอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ 35.9% ลดลงเล็กน้อยจาก 36.1% ในไตรมาส 4/59 จากค่าใช้จ่ายในการเปิดโรงงานใหม่
ขณะที่ราคาต้นทุนสาหร่ายยังคงทรงตัวจากไตรมาสก่อน ถึงแม้ว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 1/60 จะคิดเป็นเพียง 17.8% ของประมาณการทั้งปี แต่คาดว่าผลประกอบการในครึ่งปีหลังจะคิดเป็น 60% ของประมาณการทั้งปี ด้วยแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของอัตราการใช้กำลังการผลิต (utilization rate) ในโรงงานเฟส 1 รวมถึงการเปิดเฟส 2 ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ด้วย
ด้าน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่าโรงงานแห่งใหม่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สามารถเริ่มผลิตได้ตั้งแต่เดือน มี.ค.60 ที่ผ่านมา กำลังการผลิต 6,000 ตัน/ปี แบ่งการผลิตเป็น 3 เฟส เฟสละ 2,000 ตัน/ปี ซึ่งเฟสที่ 1 เริ่มผลิตในปลายไตรมาส 1/60 ขณะที่เฟส 2 จะเริ่มในไตรมาส 3/60 ส่วนเฟส 3 ขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาด โดยโรงงานใหม่นี้จะใช้เครื่องจักรมากขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนแรงงาน โดยมีตลาดส่งออกหลักไปจีน
นอกจากนี้โรงงานดังกล่าวยังได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เป็นเวลา 7 ปี ยิ่งเป็นสิ่งที่สนับสนุนการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรสุทธิด้วย
ส่วน บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า TKN มีโอกาสการเติบโตของกำไรในอัตราที่สูง โดยประเมินอัตราการเติบโตเฉลี่ย 33% ต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 26% ต่อปี โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ทำให้มองว่าปัจจุบัน PER ปี 60 อยู่ที่ 34 เท่าซึ่งอาจจะดูสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 25 เท่า แต่เชื่อว่า PER ระดับนี้ยังไม่สูงจนเกินไป
ปีนี้ TKN ตั้งเป้าที่จะบุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งคาดการณ์ว่าในช่วงระยะเวลา 3 ปีนับจากนี้ยอดขายในตลาดต่างประเทศจะโตเฉลี่ย 32% ต่อปี โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของตลาดจีนที่มีขนาดใหญ่ และมีโอกาสการเติบโตสูง ยอดขายของประเทศอินโดนีเซียที่กลับมาเติบโตอีกครั้งและการขยายตลาดเข้าไปในอเมริกาเพื่อสนับสนุนการเป็นแบรนด์ระดับโลก
ส่วนตลาดในประเทศ ยังพบว่าความต้องการบริโภคสาหร่ายยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง สะท้อนผ่านมูลค่าตลาดสาหร่ายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.4% ในปี 59 ขณะที่ยอดขายของ TKN ปรับตัวสูงขึ้นถึง 12.2% ส่งผลให้ส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 66.2% ในปี 59 จาก 61.5% ในปี 58 และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 70% ในปี 60 เนื่องจากยอดขายยังคงมีทิศทางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจะเติบโต 9% ในปี 60 และ ปี 61 เนื่องจากการบริโภคสาหร่ายภายในประเทศยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว และ การใช้กลยุทธ์ทางการตลาดแบบ 360 องศา ซึ่งเป็นการทำการตลาดโดยใช้ช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์รวมถึงการสนับสนุนคอนเสิร์ตเพื่อกระตุ้นยอดขาย
นอกจากนี้คาดว่า TKN จะมีอัตรากำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก 16.6% ในปี 59 เป็น 18.5% ในปี 60 และ 19.5% ในปี 61 เนื่องจากมีการใช้เทคโนโลยีในการผลิตแทนคนมากขึ้น และปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพโดยลดอัตราสูญเสียจากการผลิตให้เหลือเพียง 2% ในปัจจุบัน รวมถึงยังมีการลดลงของค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารต่อยอดขาย เนื่องจากขยายตลาดไปต่างประเทศมากขึ้น และการที่ขยายโรงงานใหม่เพื่อรองรับการเติบโตของยอดขาย ซึ่งทำให้ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากบีโอไอเป็นเวลา 7 ปี ยิ่งเป็นสิ่งที่สนับสนุนการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรสุทธิด้วย