ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ยอมรับว่าหนี้ที่ไม่ก่อเกิดรายได้ (NPL) ยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2/60 หลังจากนั้นเชื่อว่าจะค่อย ๆ ทยอยปรับลดลงในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ธนาคารก็คงต้องมีภาระการตั้งสำรองในระดับสูง ขณะที่ยังมั่นใจว่าสินเชื่อในปีนี้จะเติบโตได้ในระดับ 5% ตามเป้าหมาย หลังจากไตรมาส 1/60 ขยายตัวได้เล็กน้อย
นายเดชา ตุลานันท์ ประธานกรรมการบริหาร BBL กล่าวว่า แนวโน้ม NPL ในไตรมาส 2/60 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาส 1/60 ที่มี NPL ในสัดส่วน 3.52% ของสินเชื่อรวม เพราะภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างชัดเจน ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจประเภทเอสเอ็มอีขนาดกลางและเล็กค่อนข้างมากในแง่ของผลการดำเนินงานที่ปรับตัวลดลง สะท้อนไปถึงความสามารถในการชำระหนี้ลดลงตามไปด้วย โดยลูกค้ากลุ่มเอสเอ็มอีเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ภาพรวม NPL ของธนาคารยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ธนาคารเชื่อว่า NPL จะทยอยลดลงในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ จากการเรียกลูกค้าเข้ามาพูดคุยช่วยแก้ไขปัญหา ปรับโครงสร้างหนี้ และดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด โดยปีนี้ยังมั่นใจจะสามารถรักษาสัดส่วน NPL ของธนาคารไว้ให้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ระดับ 3% แต่ธนาคารยังคงต้องตั้งสำรองไว้ในระดับสูงเพื่อทำให้เงินกองทุนมีความแข็งแกร่ง ป้องกันความเสี่ยง และรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ยังผันผวนทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ
สำหรับสินเชื่อของธนาคารในปีนี้ยังมั่นใจว่าทำได้ตามเป้าที่เติบโต 5% หลังจากไตรมาสแรกสินเชื่อเติบโต 2.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และขยายตัว 0.9% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยเชื่อว่าในช่วงที่เหลือปีนี้ความต้องการสินเชื่อจะกลับมา และปัจจุบันมีจำนวนสินเชื่อรอเบิกจ่ายอยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะสินเชื่อที่เกี่ยวกับการลงทุนภาครัฐ และการขยายธุรกิจของภาคเอกชนไปในกลุ่ม CLMV
"ตอนนี้เศรษฐกิจก็ค่อยๆฟื้นขึ้น โดยมีเครื่องจักรที่สำคัญ คือ การลงทุนภาครัฐที่จะขับเคลื่อนให้ความเชื่อมั่นฟื้นคืน และส่งผลให้ความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้นตามไปด้วย"นายเดชา กล่าว