(เพิ่มเติม) BLS คาดรายได้-กำไรปีนี้ดีกว่าปีก่อนวางเป้าขยายลูกค้า 4-5 หมื่นบัญชี-ธุรกิจ IB ยังโตดี

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 27, 2017 14:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บล.บัวหลวง (BLS) คาดว่ารายได้และกำไรในปี 60 จะดีกว่าปีก่อน เนื่องจากบริษัทวางเป้าหมายขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น 4-5 หมื่นบัญชี จากสิ้นปี 59 อยู่ที่ 2.46 แสนบัญชี และจะรักษา Revenue Share ในระดับ 6-7% จากปีก่อนอยู่ที่ 7.23% ส่วนงานด้านวาณิชธนกิจ (IB) ยังมีการเติบโตได้ดี โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทมีงานเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับบริษัทที่จะเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) 2 ราย ซึ่งเป็นธุรกิจพลังงานและกลุ่มการผลิต

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ BLS เปิดเผยว่า บริษัทฯคาดว่ารายได้ และกำไรสุทธิปีนี้จะมากกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 3,219 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,072 ล้านบาท โดยบริษัทตั้งเป้ารักษาระดับส่วนแบ่งรายได้ (Revenue Share) ให้อยู่ในระดับที่ 6-7% ใกล้เคียงกับปีก่อน ที่ 7.23% โดยการเน้นขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าเพิ่มลูกค้าอีก 4-5 หมื่นบัญชี หรือเติบโตกว่าอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรม 2 เท่าตัว จาก ณ สิ้นปี 59 บริษัทมีลูกค้ารวม 2.46 แสนราย และมีอัตราการเคลื่อนไหวของบัญชีที่ 55-60%

กลยุทธ์ในปีนี้บริษัทฯยังคงเน้นการให้ความรู้แก่นักลงทุ เพื่อให้มีการลงทุนต่อเนื่องและได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดี ประกอบกับมีเครื่องมือ และผลิตภัณฑ์ในการลงทุนที่ครบถ้วนเพื่อที่จะให้เลือกการลงทุนที่มีความเหมาะสมกับผู้ลงทุนแต่ละบุคคล ขณะที่มองภาวะการแข่งขันธุรกิจหลักทรัพย์จะอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง เนื่องจากมีบริษัทหลักทรัพย์รายใหม่เข้าสู่ตลาด และจากผู้ประกอบการฟินเทคที่พัฒนาแอพลิเคชั่นทางการเงินเข้ามาแข่งขันมากขึ้น

"นโยบายที่ผ่านมาเราก็ยังคงที่จะไม่เน้นการแข่งขันด้านค่าคอมมิชชั่น แต่จะเน้นการให้ความรู้แก้นักลงทุนที่มีประสิทธิภาพ ลงทุนแล้วได้ผลตอบแทนที่ดี รวมถึงการเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและครบท้วน เพื่อที่จะขยายฐานลูกค้า และรักษาฐานลูกค้าเดิมได้อย่างดี"นายพิเชษฐ กล่าว

ส่วนธุรกิจด้านวาณิชธนกิจปีนี้ยังมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งการควบรวมกิจการ และการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (IPO) โดยในช่วงครึ่งปีหลังมีดีล IPO อยู่ในมือ 2 ราย ที่เตรียมจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) โดยเป็นธุรกิจในกลุ่มพลังงาน และอุตสาหกรรมการผลิตทั่วไป

สำหรับสัดส่วนรายได้ในปี 60 คาดว่าจะมีทิศทางใกล้เคียงกับปี 59 ที่มีรายได้มาจากธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์) 56% จากการลงทุน 14% และจากธุรกิจวาณิชธนกิจ 4%

นายพิเชษฐ กล่าวถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยในปีนี้ว่า แนวโน้มดัชนี ณ สิ้นปีคาดว่าจะอยู่ที่ราว 1,627 จุด บนระดับ P/E 15.8 เท่า ขณะที่ปริมาณการซื้อขายคงไม่สูงมากนัก เนื่องจากปัจจุบันยังไร้ปัจจัยใหม่เข้ามาหนุนตลาดทั้งในด้านลบและด้านบวก โดยจะเห็นว่านักลงทุนอยู่ในช่วงระหว่างรอปัจจัยใหม่ที่มีผลกระทบต่อตลาดเข้ามา ประกอบกับดัชนีปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากแล้ว ทำให้นักลงทุนยังชะลอการลงทุนออกไป

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังดัชนีจะได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(OPEC) จะเจรจาปรับลดกำลังการผลิตอีก โดยมองว่าราคาน้ำมันดิบจะแตะระดับ 55-60 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จึงแนะนำกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีที่จะได้รับผลดีจากปัจจัยราคาน้ำมันดิบ ส่วนกลุ่มการเงิน เช่นธุรกิจลิสซิ่งที่ได้รับผลดีจากมาตรการกวาดล้างเจ้าหนี้นอกระบบ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ