และที่ประชุมผู้ถือหุ้น JAS ให้ TTTBB เช่าทรัพย์สินส่วนเพิ่มจากกองทุน JASIF เพื่อนำไปใช้ประกอบธุรกิจอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ ต่อไป โดยธุรกรรมเช่าทรัพย์สินส่วนเพิ่มมีมูลค่ารวมประมาณ 34,400-59,700 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีระยะเวลาการเช่าประมาณ 12-15 ปี ทั้งนี้ ในปัจจุบันระยะเวลาการเช่าของสัญญาหลักยังอยู่ในระหว่างการเจรจากับกองทุนฯ ซึ่งเป็นไปได้ว่ากองทุนฯ และ TTTBB อาจต้องทำสัญญาหลักขยายเวลาจนไปถึง 29 ม.ค.75 ซึ่งเป็นระยะเวลาสิ้นสุดของอายุของใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สามของ TTTBB ที่ได้ขยายออกไป 15 ปีนับจากปัจจุบัน
ทั้งนี้ สินทรัพย์ที่เช่ามา TTTBB จะใช้เพื่อรองรับบริการของบริษัทเองประมาณ 80% ส่วนอีก 20% แบ่งให้รายย่อยเช้ามาเช่าใช้
ที่ปรึกษาทางการเงิน JAS กล่าวว่า ดีลการขายสินทรัพย์ให้กอง JASIF คาดว่าจะเสร็จสิ้นในไตรมาส 4/60 หรืออย่างช้าไตรมาส 1/61 โดยหลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติในวันนี้ และที่ประชุมผู้ถือหน่วย JASIF อนุมัติด้วย จากนั้นจะยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นยังอนุมัติให้บริษัทจองซื้อหน่วยลงทุนที่ออกใหม่ของ JASIF ที่บริษัทคาดว่าธุรกรรมจองซื้อมีมูลค่ารวมประมาณ 16,667-23,333 ล้านบาท
ด้านนายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JAS กล่าวว่า JAS จะยังคงถือหน่วยลงทุน JASIF สัดส่วน 33% ของมูลค่ากองทุน ไม่คิดขายออก เพราะไม่มีความจำเป็น และที่ผ่านมาเงินปันผลที่ได้จาก JASIF สามารถสร้างเป็นรายได้ประจำให้บริษัทเฉลี่ยปีละ 1.5-1.6 พันล้านบาท หาก JAS เข้าซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มก็คาดว่าจะทำให้บริษัทมีรายได้ส่วนนี้เข้ามาเพิ่มเป็นราว 3 พันล้านบาท/ปี
นายพิชญ์ เปิดเผยว่า บริษัทจะพิจารณาจ่ายปันผลพิเศษให้กับผู้ถือหุ้น หาก TTTB มีกำไรจากการขายสินทรัพย์เส้นใยแก้วนำแสงให้แก่JASIF
"การขายสินทรัพย์จะทำได้เมื่อใดขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ ก.ล.ต. แต่อย่างไรก็ตาม หากขายสินทรัพย์ออกไปและมีกำไรจะจ่ายเงินปันผลพิเศษอย่างแน่นอน"นายพิชญ์ กล่าว
นอกจากนั้น นายพิชญ์ยังกล่าวว่า บริษัทจะไม่เข้าร่วมประมูลคลื่นความถี่ 4G และ 5G หากภาครัฐจะจัดขึ้นอีกในอนาคต