นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) คาดว่า ในปีนี้บริษัทจะกลับมามีกำไร จากปีก่อนขาดทุน 109 ล้านบาท เพราะงานที่อยู่ในมือ (backlog) มีอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น โดยคาดปีนี้น่าจะสูงขึ้นแตะระดับ 10% จากปีก่อนอยู่ที่ 9.9% ส่วนรายได้ปีนี้น่าจะกลับมาเติบโตเท่าปี 58 ที่ทำได้ 5.2 หมื่นล้านบาท จากปี 59 ที่มีรายได้ 4.8 หมื่นล้านบาท เพราะงานภาครัฐชะลอ
ปัจจุบัน บริษัทมี Backlog ราว 2 แสนล้านบาท แลมีงานรอเซ็นสัญญารวมมูลค่า 2.18 แสนล้านบาท จากงานที่บริษัทเข้าประมูลในราคาต่ำสุด
นอกจากนี้ บริษัทยังจะเข้าประมูลงานในปีนี้มูลค่ารวมกว่า 1.4 ล้านล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นงานที่เลื่อนประมูลมาจากปีก่อน ได้แก่ โครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง, โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้, โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก รวมทั้ง โครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพ-ระยอง, กรุงเทพ-ชลบุรี ,กรุงเทพ-นครราชสีมา เป็นต้น
นายเปรมชัย กล่าวว่า บริษัทต้องการมีรายได้ประจำเข้ามา เพื่อให้รายได้มีเสถียรภาพมากขึ้น จากที่ต้องพึ่งพาธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอย่างเดียว บริษัทจึงได้เข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ โครงการเหมืองโปแตช อุดรธานี โครงการเหมืองบ๊อกไซด์ ในสปป.ลาว โครงการบริหารทางด่วนในบังคลาเทศ โครงการท่าเรือน้ำลึกและรถไฟที่โมซัมบิก โครงการท่าเรือน้ำลึกและเขตเศรษฐกิจพิเศษในเมียนมา
อย่างไรก็ตาม จากการที่แต่ละโครงการเป็นโครงการขนาดใหญ่ต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก ทำให้ ITD ต้องแบ่งขายหุ้นในแต่ละโครงการออกมาเพื่อหาทุนในการใช้ลงทุนโครงการนั้นๆ ด้วย
นายเปรมชัย กล่าวว่า โครงการเหมืองโปแตช อุดรธานี เป็นตัวอย่างโครงการ ที่ ITD หมายมั่นปั้นมือและรอคอยนานในการขอการอนุญาตและได้รับใบประทานบัตรมานาน ขณะนี้ขั้นตอนทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้วเหลือเพียงให้ รมว.อุตสาหกรรมเซ็นใบประทานบัตรที่จะมีอายุ 25 ปี โดยมีมูลค่าลงทุนในโครงการ 1.1-1.2 พันล้านเหรียญ มีขนาดกำลังการผลิต 2 ล้านตัน ขณะที่ ITD จะได้งานก่อสร้าง แบ่งเป็นงาน Civil Work วงเงิน 3.6 หมื่นล้านบาท งาน Mining Work 7.6 หมื่นล้านบาท
บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร 3 รายจากจีนที่สนใจเข้ามาลงทุนในโครงการดังกล่าว แต่ยังไม่มีข้อสรุป เพราะผู้ซื้อต้องการแน่ใจก่อนว่า ITD จะได้ใบประทานบัตร อย่างไรก็ตาม บริษัทจะขายหุ้นออกไปบางส่วนราว 30% และจะคงถือหุ้นในสัดส่วนมากกว่า 50% จากปัจจุบันที่ถืออยู่ราว 90% เพราะยังต้องการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เพื่อบริหารโครงการ ส่วนอีก 10% ถือหุ้นโดยกระทรวงการคลัง
ด้านโครงการเหมืองบ๊อกไซด์ (Bauxite Mining) ในสปป.ลาว มูลค่าโครงการ 1 พันล้านเหรียญ บริษัทได้สิทธิสัมปทาน 30 ปี ปัจจุบันถือหุ้นในสัดส่วน 90% และพันธมิตรท้องถิ่นถือ 10% โดยบริษัทมีแผนจะขายหุ้นออกไปประมาณ 40% คาดว่าภายใน 2-3 เดือนจะได้ข้อสรุป ทั้งนี้เพื่อหาเงินมาลงทุนในเหมืองดังกล่าว ขณะเดียวกัน ITD ก็จะได้งานก่อสร้าง แบ่งเป็นงาน Civil Work 3.6 หมื่นล้านบาท และงาน mining work 1.1 หมื่นล้านบาท
ส่วนโครงการบริหารทางด่วนในเมืองดาก้า ในบังคลาเทศ ได้สิทธิสัมปทาน 25 ปี บริษัทจะขายออก 41% เหลือถือสัดส่วน 51% และ
นายเปรมชัย ยังกล่าวถึงความคืบหน้าโครงการทวายว่า ขณะนี้รอรัฐบาลใหม่ของเมียนมาอนุมัติให้ดำเนินงาน ซึ่งรอมาตั้งแต่เดือนพ.ย.59 จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า แต่คาดหวังว่า 3-6 เดือนนี้น่าจะได้ทราบผล โครงการทวาย ITD จะได้สิทธิสัมปทาน 75 ปีใน initial phase พื้นที่ 1.6 หมื่นไร่ ขณะนี้บริษัทต้องหยุดทำการขายพื้นที่อุตสาหกรรม ซึ่งมองว่าบริษัทเสียโอกาส
"เราต้องการอยากได้โครงการที่ให้รายได้ประจำ เหมือน ช.การช่าง เราคิดมาเป็น 10 ปี โครงการยังไม่เดินหน้า มีเรื่องผิดพลาดที่อยู่นอกเหนือการควบคุม" นายเปรมชัย กล่าว