นางสาวบุษบา ดาวเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (GRAMMY) เปิดเผยในที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 60 ในวันนี้ว่า แผนการดำเนินงานของบริษัทฯในปีนี้ ยังคงมุ้งเน้นในธุรกิจหลัก ทั้ง ธุรกิจเพลง (Music) ,ธุรกิจบรอดคาสติ้ง (ช่อง GMM25) และธุรกิจสื่อ (ธุรกิจวิทยุ และอีเว้นท์)
ทั้งนี้ ธุรกิจ Music ในปีนี้บริษัทฯ จะมีการมุ่งเน้นใน 4 เรื่อง ได้แก่ (1) Content การผลิตผลงานเพลง ที่ในปีนี้จะมีมากกว่า 800 Single และทำมิวสิคซีรี่ย์เพิ่มเติมอีกราว 4 เรื่อง ,(2) Community หลังจากสร้างฐานแฟนคลับให้แข็งแรงแล้ว ในปีนี้บริษัทฯจะเป็นผู้เข้าไปตอบโจทย์ หรือเข้าหากลุ่มลูกค้าให้มากขึ้น , (3) Collaboration ร่วมมือกับทุกแพลตฟอร์ม ทั้ง JOOX และ LIVETV เป็นต้น เพื่อเข้าถึงสื่อมากขึ้น และร่วมมือกับร้านค้าปลีก เช่น 7-11 ,BIGC, บัตร Rabbit ,LAZADA รวมถึงร่วมมือกับ BRAND , (4) CRM มุ่งสู่มิวสิค BIG DATA เพิ่มฐานข้อมูลลูกค้า เพื่อสร้างโปรดักส์ที่ตอบโจทย์โดนใจ สร้างการรับรู้ เพื่อนำไปสู่การสร้าง Loyalty และสร้างผลประกอบการที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ธุรกิจบรอดคาสติ้ง หรือทีวีดิจิตอล ช่อง GMM25 ในช่วงที่ผ่านมาก็มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากละครและซีรี่ย์ที่มากที่สุดในประเทศไทย โดยในปีนี้ยังคงมุ่งมั่นที่จะผลิตละครและซีรี่ย์ที่หลากหลาย และแตกต่าง ซึ่งเป็นกลยุทธ์ของบริษัทฯ เพื่อดึงเรตติ้งของช่องให้เพิ่มขึ้น จากปีก่อนมีเรตติ้งอยู่ที่อันดับที่ 14 ของช่องทีวีดิจิตอล โดยในเดือนก.ค.60 เป็นต้นไป น่าจะเห็นคอนเทนท์บนช่อง GMM25 เพิ่มขึ้นอีกมาก
ขณะที่ช่อง One31 ในครึ่งปีแรกนี้ เตรียมออนแอร์ละครอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะมีด้วยกัน 3 เรื่อง คือ เกมมายา ,เธอคือพรหมลิขิต และเสน่หา อีกทั้งยังมีละครฟอร์มยักษ์ที่จะเกิดขึ้นอีกมากมาย เช่น ละครเรื่องล่า และชายไม่จริงหญิงแท้ เป็นต้น โดยทางช่อง One31 ยังคงมีการดำเนินกลยุทธ์ใน 3 เรื่อง คือ สร้างจุดแข็งของละคร,สร้างความหลากหลาย และต่อยอดความสำเร็จของคอนเทนท์
สำหรับธุรกิจสื่อ หรือวิทยุ (A time media) ปัจจุบันก็มีการเติบโตอย่างมาก จากยอดผู้รับชมผ่านทางออนไลน์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้ง 3 คลื่นวิทยุ ได้แก่ Chill ออนไลน์ ,EFM 104.5 ,Green Wave 106.5 ขณะเดียวกันในส่วนของ A-time Showbiz) ที่มีการโปรโมทขายบัตรคอนเสิร์ต ก็สามารถจำหน่ายได้หมดในเวลาอันรวดเร็ว
นางกานต์สุดา แสนสุทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน GRAMMY กล่าวถึงกรณีผู้ถือหุ้นสอบถามผลการดำเนินงานในปี 59 ซึ่งในปีที่ผ่านมามีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 520.15 ล้านบาทว่า ผลขาดทุนของบริษัทฯ ในช่วงที่ผ่านมา ยังเป็นเรื่องของภาระค่าใช้จ่ายของช่องดิจิตอลเป็นหลัก แต่การขาดทุนก็มีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จากภาระค่าใช้จ่ายค่าประมูลทีวีดิจิตอลที่ลดลง และการเยียวยาของสำนักงาน กสทช. ซึ่งบริษัทฯยังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินการให้บริษัทฯมีผลขาดทุนลดลง จากการพัฒนาคอนเทนท์ ของทั้ง 2 ช่องดิจิตอล เพื่อให้สามารถพลิกกลับมาเป็นบวกได้ในอนาคตอันใกล้นี้
"เราอยากให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯกลับมาเป็นบวกอยู่ทุกวัน ซึ่งการที่จะเป็นบวกได้นั้น มันต้องมีปัจจัยมาจากเรื่องของเรตติ้ง ซึ่งกลุ่มเป้าหมายของ GMM25 และ One31 นั้น มีช่วงอายุอยู่ที่ 15-30 ปี มีน้อยมากที่จะกลับไปดูทีวีที่บ้านได้ในช่วงเวลา 2 ทุ่ม โดยเราก็มีความพยายามกับการเพิ่มเรตติ้งอย่างมากในทุกช่องทาง ขณะเดียวกันก็มีข่าวออกมาว่า ทางกสทช.จะมีการวัดเรตติ้งด้วยวิธีมัลติแพลตฟอร์ม ซึ่งถ้าหากเกิดขึ้นจริง เชื่อว่าเรตติ้งของช่องจะสูงขึ้น และน่าจะส่งผลต่อรายได้เพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ อีกทั้งนอกจากเรตติ้งแล้ว ยังมีเรื่องของคอนเทนท์ที่ดึงดูดใจ เพื่อเพิ่มรายได้ค่าโฆษณาให้สูงขึ้น ซึ่งเราก็มีการพัฒนาคอนเทนท์ในทุกแพลตฟอร์ม" นางกานต์สุดา กล่าว