(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งตัวกรอบจำกัด จับตาประชุมเฟด-งบการเงินบจ.-ทิศทางลงทุนต่างชาติ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 2, 2017 09:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์ฯคาดดัชนีหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวในกรอบจำกัด หลังหลายปัจจัยยังไม่นิ่งและยังต้องติดตามต่อเนื่อง โดยเฉพาะการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันอังคารและวันพุธนี้ โดยคาดการณ์ว่าเฟดจะยังคงดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ รวมถึงยังต้องจับตาการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/60 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทย และทิศทางการลงทุนของต่างชาติ แม้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาจะมียอดซื้อสุทธิค่อนข้างสูง ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการทำรายการบิ๊กล็อตของหุ้นบมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) ขณะที่ต่างชาติยังเปิดสถานะ short ในฟิวเจอร์ส โดยมองดัชนีมีแนวรับบริเวณ 1,558 และ 1,553 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,570 จุด

นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยวันนี้ จะแกว่งตัวทั้งแดนบวกและลบในกรอบจำกัด หลังปัจจัยต่างประเทศยังไม่นิ่งและนักลงทุนต่างรอดูการประชุมเฟดในวันอังคารและวันพุธนี้(2-3 พ.ค.) ซึ่งคาดการณ์ว่าเฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้ ขณะที่ทางฝั่งยุโรปนั้น เศรษฐกิจของอังกฤษในไตรมาส 1/60 ขยายตัว 0.3% ชะลอตัวลงจากไตรมาสสุดท้ายของปีก่อน และทางฝรั่งเศส ยังต้องรอดูการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบที่ 2 ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 7 พ.ค.นี้

สำหรับภายในประเทศก็ยังต้องติดตามเรื่องการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/60 ของบจ.ที่เริ่มออกมาในช่วงนี้ แม้ที่ผ่านมาบริษัทขนาดใหญ่จะประกาศผลประกอบการออกมาดีแต่ก็ทำให้มีแรงซื้อเข้ามาเฉพาะตัวเท่านั้น รวมถึงยังต้องติดตามทิศทางการลงทุนของต่างชาติ หลังเมื่อวันศุกร์ต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยมากถึง 3.7 พันล้านบาท แต่ส่วนหนึ่งมาจากการทำบิ๊กล็อตของหุ้น BH ด้วย ขณะที่ต่างชาติยังเปิดสถานะ short ในฟิวเจอร์ส

ทั้งนี้ ปัจจัยต่าง ๆ ยังไม่นิ่งทำให้ภาพการเคลื่อนไหวของดัชนีน่าจะยังแกว่งตัวทั้งแดนบวกและลบ รอดูปัจจัยที่จะเข้ามา ทำให้นักลงทุนอาจจะรอการย่อตัวของตลาดหรือเข้าซื้อเมื่ออ่อนตัว โดยมองแนวรับบริเวณ 1,558 และ 1,553 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,570 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (1 พ.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,913.46 จุด ลดลง 27.05 จุด (-0.13%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,091.60 จุด เพิ่มขึ้น 44.00 จุด (+0.73%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,388.33 จุด เพิ่มขึ้น 4.13 จุด (+0.17%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 25.20 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 7.43 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 158.67 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 54.44 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 8.17 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 7.99 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.10 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 เม.ย.60) 1,566.32 จุด ลดลง 0.45 จุด (-0.03%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,701.93 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 เม.ย.60
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (1 พ.ค.60) ปิดที่ 48.84 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 49 เซนต์ หรือ 1%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 พ.ค.60) ที่ 6.48 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 34.56/60 จับตาตัวเลขเศรษฐกิจยุโรป-ประชุมเฟด-Non Farm Payroll
  • คมนาคมเตรียมชง ครม.สัปดาห์หน้า ของบเพิ่ม 3.4 แสนล้านบาท ขับเคลื่อนเมกะโปรเจ็กต์ปี 61 เดินหน้ามอเตอร์เวย์ 2 สาย ปรับปรุงสนามบินภูมิภาค 4 แห่ง รับนักท่องเที่ยวเพิ่ม เล็งพัฒนา 28 ท่าอากาศยานภูมิภาคด้วย
  • พาณิชย์เผยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ (เงินเฟ้อ) เดือน เม.ย. เท่ากับ 100.49 สูงขึ้น 0.38% เมื่อเทียบกับ เม.ย.ปี 59 นับเป็นการปรับตัวสูงขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 13 ตั้งแต่เดือน เม.ย.59 ที่เริ่มเป็นบวกเป็นเดือนแรกที่ 0.07% หลังจากติดลบ 15 เดือน แต่อย่างไรก็ดี เงินเฟ้อสูงขึ้นในอัตราที่ลดลง จากที่เคยขึ้นสูงถึง 1.55% เมื่อ ม.ค.60 แล้วลดลงมาอยู่ที่ 1.44% ในเดือน ก.พ. และ 0.76% ในเดือน มี.ค.
  • แบงก์ชาติชี้ธุรกิจไทยแห่ลงทุนต่างประเทศ เพิ่มเผยปี 59 มูลค่าลงทุนพุ่ง 6.4 แสนล้านบาท โต 24% ส่วนใหญ่เน้นไปสหรัฐ ญี่ปุ่น อาเซียน ด้านตลาดหลักทรัพย์ เผยบริษัทจดทะเบียนไทยเพิ่มลงทุนนอกต่อเนื่อง ดันสัดส่วนรายได้ต่างประเทศพุ่ง 46% ขณะ "ไทยพาณิชย์" ระบุมูลค่าลงทุนเอกชนไทยที่ไปต่างประเทศแซงหน้าการลงทุนในประเทศแล้ว มองแนวโน้มยังออกไปลงทุนต่อเนื่อง
  • ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เดินหน้าตุนที่ดิน แนวรถไฟฟ้าสายสีชมพู ประเมิน 2 ปี ราคาพุ่ง 2 เท่า ระบุ "ดีมานด์-ซัพพลาย" ไม่ชัดเจน หวั่นซ้ำรอยสายสีม่วง รอจังหวะลงทุน ชี้เทรนด์ "คอนโดโลว์ไรส์" มาแรง
  • รมว.คลัง เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยมีการฟื้นตัวต่อเนื่อง เห็นได้จากตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญหลายตัวมีการขยายตัวเพิ่ม ผลักดันให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (จีดีพี) เพิ่มขึ้น กระทรวงการคลังคาดว่าจีดีพีปีนี้จะเติบโต 3.6% แต่การเติบโตกระจุกตัว ทางด้านฐานรากยังไม่ดีนัก ซึ่งรัฐบาลเตรียมมาตรการช่วยเหลือหลังจากลงทะเบียนคนจนแล้วเสร็จ
  • กบง.เคาะราคาแอลพีจีงวด พ.ค.60 ลด 0.47 บาท/กก. ส่งผลราคาค้าปลีกถูกลง 7 บาทต่อถัง 15 กก. สะท้อนราคาตลาดโลกยังต่ำ 72.50 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน มองเดือนหน้ายังลดต่อเนื่อง
*หุ้นเด่นวันนี้
  • GGC เข้าซื้อขายใน SET วันแรก หลังจากขายหุ้น IPO จำนวน 246,666,700 หุ้น และจัดสรรหุ้นส่วนเกินซึ่งยืมจาก บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) จำนวน 37,000,000 หุ้น รวม 283,666,700 หุ้น ที่ราคาหุ้นละ 11.20 บาท โดย GGC เป็นบริษัทย่อยของ PTTGC ทำธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีเพื่อสิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์ คือ เมทิลเอสเทอร์ (ไบโอดีเซล) แฟตตี้แอลกอฮอล์ กลีเซอรีนบริสุทธิ์ และผลิตภัณฑ์พลอยได้หลายประเภท ปัจจุบัน GGC มีรายได้หลักราว 60% มาจากธุรกิจไบโอดีเซล และ 40% มาจากแฟตตี้แอลกอฮอล์
  • IVL (ทรีนีตี้) แนะ"ซื้อ"ราคาเป้าหมาย 47.50 บาท แม้คาด Q1/60 กำไรสุทธิอยู่ที่ 2,655 ล้านบาท -2% qoq, -35% yoy แต่ถ้าไม่นับรวมกำไรพิเศษ กำไรปกติ -10% qoq, +217% yoy โดย Core EBITDA อยู่ที่ 85.6 เหรียญสหรัฐ/ตัน ซึ่งเป็นผลจากธุรกิจ PET ที่มีต้นทุนจาก PTA ที่ปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ Feedstock ยังคงมีอัตรากำไรที่ดี แต่ยังแนะนำซื้อด้วยธุรกิจ Polyester กลับเข้าสู่ขาขึ้นอย่างชัดเจน ,ส่วนต่าง PTA-Px ทำจุดสูงสุดในรอบ 17 ปี ,Vertical Integration และ HVA ช่วยลดความผันผวนของอัตรากำไร และยังมี Upside 4.10 บาท/หุ้น จากสมมติฐานปรับลดภาษีนิติบุคคลในสหรัฐ
  • MC (ธนชาต) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาเป้าหมาย 22 บาท ผลโรดโชว์สิงคโปร์ 24-25 เม.ย.นักลงทุนให้ความสนใจจำนวนมาก สนใจกลยุทธ์ทางธุรกิจและผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ช่วยหนุนกำไร โดยมองว่ากำลังเข้าสู่รอบการเติบโตใหม่ แม้ใน Q1/60 การบริโภคจะอ่อนแอ แต่ MC คาดกำไรมีแนวโน้มฟื้นตัว เนื่องจากการบริหารต้นทุนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การออกแคมเปญการตลาด โปรโมชั่นการขาย และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ โดย MC ตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายปี 60 ที่ 12-15% มีสาขาใหม่ 25 สาขา อัตรากำไรขึ้นต้นที่ 54-55% และอัตราส่วน SG&A/Sales ที่ 35% ซึ่งคาดว่า EPS จะเติบโตเฉลี่ยที่ 15% ในปี 60-62

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ