โบรกเกอร์ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) หลังคาดปี 60 ยังสามารถทำกำไรเติบโต 10.3%-13.3% มาที่ 4,548-4,675 ล้านบาท จากการเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ได้ดีขึ้น เป็นผลจากการปรับสัดส่วนสินค้าเฮ้าส์แบรนด์เพิ่มขึ้น และการควบคุมค่าใช้จ่าย รวมถึงการเปิดสาขาใหม่อย่างระมัดระวัง เน้นเปิดทำเลที่มีกำลังซื้อสูง ขณะที่กำลังซื้อในต่างจังหวัดยังไม่ฟื้นตัว
การเปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่องเป็นตัวผลักดันกำไรได้อีกทาง โดยมีแผนเปิดสาขาโฮมโปร 2-3 สาขา และเมกาโฮม 3-4 สาขา และสาขาในมาเลเซียอีก 4 สาขาในปีนี้
อย่างไรก็ตาม มองแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2-3 ยังอ่อนตัว แต่จะกลับมาสูงสุดอีกครั้งในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาลปกติ
ราคาหุ้น HMPRO พักเที่ยงวันนี้ไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ที่ 9.70 บาท ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 0.01%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 12.00 ทรีนีตี้ ซื้อ 11.90 กสิกรไทย ซื้อ 11.60 บัวหลวง ซื้อ 11.60 เออีซี ซื้อ 11.40 ธนชาต ซื้อ 11.40 โนมูระ พัฒนสิน Neutral 10.30
นางสาวสุรีย์พร ทีวะสุเวทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะ"ซื้อ"หุ้น HMPRO โดยคาดว่ากำไรสุทธิในปี 60 จะอยู่ที่ระดับ 4,675 ล้านบาท เติบโต 13.3% จากปีก่อน ปัจจัยหนุนคือการเปิดสาขาใหม่ในประเทศ เป็นภายใต้แบรนด์โฮมโปร 2-3 สาขา และเมกาโฮม 3-4 สาขา รวมทั้งการเปิดสาขาใหม่ในมาเลเซียอีก 4 สาขา ส่วนสาขาเดิมคาดว่ายอดขายจะเติบโตไม่มาก
นอกจากนี้ การปรับมาขายสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ให้มีสัดส่วนมากขึ้นจะช่วยดันยอดขายและกำไรปีนี้ได้มาก โดยตั้งเป้าหมายสัดส่วนยอดขาย 20% จากปีก่อนมีสัดส่วน 18.7% โดยในไตรมาส 1/60 ทำได้ 19.1% และคาดว่า 3 ไตรมาสที่เหลือน่าจะทำได้ตามเป้าหมาย และจะช่วยทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้เพิ่มขึ้นมาที่ 25.8% จาก 25.5% ในปีก่อน
ส่วนแนวโน้มกำไรในไตรมาส 2/60 น่าจะทำกำไรได้ต่อเนื่องไตรมาส 1/60 แต่อาจจะอ่อนตัวลงเพราะเป็น Low Season ของธุรกิจ และจะกลับมาเติบโตทำจุดสูงสุดของปีในไตรมาส 4/60
บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า HMPRO ประกาศกำไรสุทธิในไตรมาส 1/60 อยู่ที่ 1,046 ล้านบาท เติบโต 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นไปตามคาด แม้กำลังซื้อยังไม่เห็นการฟื้นตัวชัดเจน โดยกำไรในไตรมาสแรกคิดเป็น 23% ของประมาณการทั้งปี
และยังคงประมาณการกำไรทั้งปีนี้ไว้ในระดับเดิม แม้ HMPRO จะมีโอกาสสูงที่ยอดขายและรายได้อื่น ๆ จะเติบโตในอัตราชะลอลงและต่ำกว่าที่คาดการณ์ที่ระดับ 8% จากปีก่อน แต่ด้วยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจปีนี้ที่เน้นเพิ่มศักยภาพทำกำไรด้วยการยกระดับคุณภาพ Private Brand ให้ดีขึ้น, การเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้า Direct Sourcing และวางแผนจัดซื้อสินค้าให้เหมาะสม รวมทั้งยึดหลักระมัดระวังในการเปิดสาขาใหม่ โดยจะเน้นเฉพาะพื้นที่ที่มีกำลังซื้อดี
แบ่งเป็น โฮมโปรในกรุงเทพฯ 2-3 แห่ง ได้แก่ โลตัสบางแค เปิด 7 เม.ย. และอีก 2 แห่ง จะเปิดในช่วงครึ่งหลังปีนี้ , เมกาโฮมในต่างจังหวัด 3-4 แห่ง ที่จะเปิดในช่วงครึ่งหลังปีนี้ ส่วนในมาเลเซีย จะเน้นเปิดในศูนย์การค้าอีก 2-3 แห่ง ได้แก่ มะละกา เปิดเดือนพ.ค. และอีก 2 แห่งช่วงครึ่งหลังปีนี้ ควบคู่ไปกับกำไรในธุรกิจเมกาโฮมที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น จึงทำให้คาดว่าปีนี้ HMPRO จะมีกำไรสุทธิ 4,548 ล้านบาท โต 10.3% จากปีก่อน ตามประมาณการได้
ด้านบทวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ระบุว่ายอดขายสาขาเดิมของ HMPRO จะยังคงอ่อนตัวต่อเนื่องถึงไตรมาส 2/60 หลังยอดขายสาขาเดิมไตรมาส 1/60 ลดลงประมาณ 2.8% เพราะการจับจ่ายในต่างจังหวัดยังไม่ฟื้นตัว ดังนั้น จึงปรับลดประมาณการยอดขายสาขาเดิมปี 60 เป็นลดลง 0.4% จากเดิมคาดโต 1.9%
แต่อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มจะสูงกว่าคาด ไม่เพียงแต่อัตรากำไรขั้นต้นของสาขาโฮมโปรจะดีขึ้นจากมีการเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ แต่อัตรากำไรขั้นต้นของเมกาโฮมก็ยังจะดีขึ้นอีกด้วย หนุนโดยการประหยัดขนาดและอำนาจการต่อรองที่ดีขึ้น อีกทั้งอัตรากำไรขั้นต้นของสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ใหม่ของโฮมโปรยังสูงกว่าสินค้าเฮ้าส์แบรนด์เดิมอีกด้วย เนื่องจากคอนเส็ปต์สินค้าเฮ้าส์แบรนด์ใหม่คือการเน้นคุณภาพมากกว่าการเน้นราคาถูก ดังนั้น แม้สัดส่วนสินค้าเฮ้าส์แบรนด์จะอยู่ที่ 19% ในไตรมาส 1/60 ซึ่งต่ำกว่าในไตรมาส 1/59 ที่ 19.1% เล็กน้อย แต่อัตรากำไรขั้นต้นของ HMPRO น่าจะสูงกว่าประมาณ 1%
นายคณฆัส จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า HMPRO มีกำไรสุทธิในไตรมาส 1/60 เติบโตต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการเติบโตสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ อย่างไรก็ตามคาดว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2/60 เติบโตอาจจะแผ่วลง ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล และเมื่อพิจารณาจากผลประกอบการสาขาในมาเลเซียก็ยังไม่ถึงจุดคุ้มทุน (Break event) ทั้งนี้ แนะ "Neutral" ราคาเป้าหมาย 10.30 บาท ซึ่งมี upside เพียง 8%