(เพิ่มเติม1) "อิงเกรส อินดัสเตรียล" คาดเคาะราคา IPO ปลาย ก.ค.เสนอขาย 9 ส.ค. หวังเข้า SET ใน Q3/60

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 3, 2017 13:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.อิงเกรส อินดัสเตรียล (ไทยแลนด์) (INGRS) คาดเคาะราคาเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ได้ราวปลายเดือนก.ค. 60 จำนวนเสนอขายไม่เกิน 578,442,900 หุ้น ประกอบด้วย หุ้นเพิ่มทุน 261,562,500 หุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นของบริษัท คือ บริษัท อิงเกรส คอร์ปอเรชั่น เบอร์ฮาด (ICB) จำนวนไม่เกิน 316,880,400 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และคาดเสนอขายได้วันที่ 9 ส.ค.นี้

นายอับดุล ราฮิม บินฮายี ฮิตัม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร INGRS กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในไตรมาส 3/60 โดยมีบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ INGRS

"บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลท.โดยใช้เกณฑ์การยื่นขออนุมัติจากสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) 2 รูปแบบ คือ การให้นิติบุคคลต่างประเทศ สามารถเข้ามาจดทะเบียนในตลท.ได้โดยตรง (primary listing) และบริษัทย่อยที่เป็นธุรกิจหลักในประเทศ หรือต่างประเทศ (Holding)"นายอับดุล ราฮิม บินฮายี ฮิตัม กล่าว

ปัจจุบัน บริษัทแปรสภาพเป็นมหาชน และมีทุนจดทะเบียน 1,446,942,690 บาท (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท) ซึ่งจะเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 40% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท เพื่อรองรับจากการขยายฐานการผลิต และใช้คืนเงินกู้ของบริษัทและบริษัทย่อย ซึ่งแบ่งเป็น 22% สำหรับคืนเงินกู้ให้กับผู้ถือหุ้นเดิม เนื่องด้วยเป็นการซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นจากการดำเนินการออกจากตลาดหลักทรัพย์เบอร์ซา ประเทศมาเลเซีย และอีก 18% จะใช้คืนสถาบันทางการเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

"การนำบริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) นั้น บริษัทฯได้เล็งเห็นถึงการเติบโตของตลาดหุ้นไทยที่เติบโตแข็งแกร่งที่สุดในอาเซียน รวมถึงทางบริษัทฯยังได้รับการสนัสนุนจากภาครัฐเป็นอย่างดี โดยเฉพาะจากสำนักงานส่งเสริมการลงทุน (BOI) และมองประเทศไทย ถือว่าเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ซึ่งเชื่อว่าอุตสาหกรรมยานยนต์จะมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอนาคตอันใกล้นี้"นายอับดุล ราฮิม บินฮายี ฮิตัม กล่าว

บริษัทเป็นผู้นำของอาเซียนในธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่ได้รับการส่งออกไปทั่วโลก โดยมีฐานการผลิตในประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และอินเดีย โดยบริษัทมีวิสัยทัศน์เป็นบริษัทอาเซียนที่มีเครือข่ายทั่วโลก จึงได้พัฒนาความเชี่ยวชาญทั้งทางด้านเทคโนโลยี ความเชี่ยวชาญด้านการผลิตระดับสากล สามารถแข่งขันได้ในทุกตลาดสำคัญในอาเซียนซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพสูง

INGRS มีจุดเด่น คือ มีโรงงานที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง ที่เน้นผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูงให้กับกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำอาทิ ฮอนดา มิตซูบิชิ ฟอร์ด มาสด้า เจนเนอรัล มอร์เตอร์ อีซูซุ ซูซุกิ นิสสัน โตโยตา ไดฮัทสุ เพอโรดัว และโปรตอน รวมถึงบริษัทรถยนต์ในอินเดียอาทิ มารูติ-ซูซุกิ เฟียต และ มหินดรา-มหินดรา โดยมีฐานการผลิต 10 แห่งใน 4 ประเทศ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และมั่นคง ทั้งในด้านคุณภาพ ต้นทุน และการส่งมอบสินค้า ทำให้ธุรกิจของบริษัทฯมีความมั่นคงสูง

ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทฯ มี 3 กลุ่มคือ ผลิตภัณฑ์รีดขึ้นรูป (Roll Forming Products) ผลิตภัณฑ์ปั๊มขึ้นรูปและโมดุล (Stamping & Module Assembly Products) และเครื่องมือยึดจับและแม่พิมพ์ (Tool & Dies) และ ระบบการผลิตแบบอัตโนมัติ (Automation Integration Solutions)

สำหรับงบงวดปี 60 สิ้นสุด 31 ม.ค.60 บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,916 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิสำหรับปี(ก่อนหักส่วนที่เป็นของผู้มีส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุมของบริษัทย่อย) ที่ 210.40 ล้านบาทหลังจากหักค่าใช้จ่ายทางภาษีตามเกณฑ์ใหม่ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจำนวน 32 ล้านบาท ซึ่งกำไรเติบโตขึ้น 19% จากกำไรสำหรับปี 177 ล้านบาทในปี 58

แม้รายได้รวมจะลดลงจาก 3,159 ล้านบาทตามสภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ชะลอตัว แต่กำไรสุทธิเติบโตขึ้นเนื่องจากบริษัทมีอัตรากำไรสุทธิพุ่งขึ้นเป็น 7.2% โดยบริษัทคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากสภาพเศรษฐกิจของอาเซียนที่ปรับตัวดีขึ้นและจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆสู่ตลาด

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ หลังหักภาษีเงินได้ของงบการเงินรวมและภายหลังการจัดสรรทุนสำรองตามกฏหมาย


แท็ก SET  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ