นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บมจ. แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนโรดโชว์กับนักลงทุนต่างประเทศอย่างต่อเนื่องอีกในช่วงครึ่งปีแรก โดยมีแผนร่วมกับ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เดินทางไปโรดโชว์ที่เมืองเอดินเบอร์ก ของสกอตแลนด์ และเมืองดับลิน ไอร์แลนด์ ในวันที่ 7-8 พ.ค. และมีแผนร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เดินทางไปโรดโชว์ที่กรุงลอนดอน ในวันที่ 9-10 พ.ค.
ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนนักลงทุนต่างประเทศในปัจจุบันที่เข้ามาถือหุ้น SIRI อยู่ที่ 33% จากสัดส่วนที่นักลงทุนต่างชาติสามารถถือหุ้นได้ 39%
ทั้งนี้ ในช่วงต้นปลายเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา บริษัทได้เดินทางไปโรดโชว์ที่สหรัฐอเมริกา คือในนิวยอร์ก และซานฟรานซิสโก ปรากฎว่าได้รับความสนใจตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี โดยได้เข้าพบนักลงทุนสถาบันจำนวน 20 กองทุนที่ให้ความสนใจกับความแข็งแกร่งของแผนการดำเนินธุรกิจปี 60 โดยเฉพาะการเปิดตัว โครงการ “98 Wireless" โครงการแฟลกชิปคอนโดมิเนียมที่ดีที่สุดบน ถ.วิทยุที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงกลางเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา บนวิสัยทัศน์ที่จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับสากลในสายตานักลงทุนทั่วโลก
นายวันจักร์ กล่าวว่า บริษัทใช้เวลากว่า 7 ปีเต็มในการพิสูจน์ศักยภาพบนความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดกับโครงการ ’98 WIRELESS’ภายใต้ประสบการณ์ที่สั่งสมมาตลอดกว่า 33 ปีในการเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละกลุ่ม โดยเฉพาะระดับบน ซึ่งเป็นหัวใจในการพัฒนาโครงการเพื่อเข้าถึงความต้องการของลูกค้าในบริบทต่างๆ กัน ทำให้บริษัทมั่นใจและพร้อมที่จะเทียบชั้นกับตลาดสากลว่าจะเป็นคอนโดมิเนียมระดับซูปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ที่ดีที่สุดในเมืองไทย และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังให้ความสนใจกับความสำเร็จจากยอดขายตลาดต่างชาติ ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่ซื้อโครงการของแสนสิริอย่างต่อเนื่องจากการนำโครงการคอนโดมิเนียมไปโรดโชว์ในประเทศโซนเอเชียทั้งใน ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และจีน นอกจากนี้ยังเตรียมเจาะกลู่มลูกค้าใหม่ อาทิ ญี่ปุ่น และ ดูไบ เป็นต้น เพื่อขยายฐานจากกลุ่มลูกค้าเดิม ส่งผลให้บริษัทเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทยที่ครองส่วนแบ่งทางการตลาดของตลาดต่างชาติสูงสุด จากการเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทยบริษัทเดียวที่เปิดการขายโครงการในต่างประเทศพร้อมกันในหลายประเทศ (Global Launch)และจัดกิจกรรมหลังการขายกับลูกค้าต่างชาติอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทยังสามารถสร้างยอดขายรวมจากตลาดต่างชาติในช่วงไตรมาสแรกนี้สูงถึง 1,700 ล้านบาท จากเป้าหมายยอดขายตลาดต่างชาติในปีนี้ 8,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ นักลงทุนต่างประเทศยังให้ความสนใจกับการลงทุนของบริษัทในธุรกิจ “PropTech" ซึ่งจะก้าวสู่การเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำด้านเทคโนโลยีที่คลอบคลุมอสังหาริมทรัพย์และการอยู่อาศัยอย่างเต็มรูปแบบผ่าน สิริ เวนเจอร์ หรือบริษัทร่วมทุนระหว่าง SIRI กับธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ในรูปแบบ Corporate Venture Capital ที่มีจุดเด่นในด้านการลงทุนและพัฒนานวัตกรรมด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่ออนาคตที่จะเสริมความแข็งแกร่งและมีส่วนช่วยผลักดันธุรกิจหลักของแสนสิริให้มีประสิทธิภาพและมีความคล่องตัวรวมถึงเป็นช่องทางรายได้ใหม่ของ SIRI ได้ในอนาคต