นางสาวหรรษา เสริมศรี รองประธานบริหารฝ่ายบัญชีและการเงิน บมจ.มัดแมน (MM) เปิดเผยว่า ภายหลังการนำเงินจากการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ไปคืนเงินกู้ ทำให้ MM ปลดล็อคข้อจำกัดทางเงินต่าง ๆ ที่ธนาคารกำหนดไว้ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสในการขยายแบรนด์ของ MM ภายใต้แนวคิด “House of Brands"
นอกจากนี้ ภาพรวมผลการดำเนินงานจะเริ่มฟื้นตัวได้ดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปีนี้เป็นต้นไป จากการลดลงของค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ขณะเดียวกัน บริษัทจะไม่มีภาระขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ เนื่องจากเป็นรายการที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในปีที่ผ่านมาซึ่งได้บันทึกขาดทุนไปแล้วจำนวน 154.93 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ยังคงเหลือการบันทึกค่าใช้จ่ายจากการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่ได้มาจากการรวมธุรกิจประมาณ 67 ล้านบาทในปีนี้
“เราเชื่อว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในปีนี้จะเทิร์นอะราวด์มีผลกำไรที่ดีขึ้น เนื่องจากค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนที่ต้องบันทึกขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ รวมถึงมีค่าใช้จ่ายทางการเงินค่อนข้างสูง"นางสาวหรรษา กล่าว
นายนาดิม ซาเวียร์ ซาลฮานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MM กล่าวว่า หลังจากเข้าระดมทุนแล้ว MM จะนำเงินไปใช้ลงทุนขยายธุรกิจตามแผนงานที่วางไว้ โดยจะเดินหน้าขยายธุรกิจในไทยและต่างประเทศ ทั้งธุรกิจที่ดำเนินการภายใต้แบรนด์ของตนเอง ได้แก่ เกรฮาวด์ คาเฟ่ ที่จะเป็นเรือธงสร้างการเติบโตต่อไปในอนาคต โดยการขยายธุรกิจในประเทศไทยนั้น บริษัทฯ จะลงทุนขยายสาขาเอง ซึ่งภายในไตรมาส 2 นี้เตรียมเปิดให้บริการสาขาใหม่ในเมืองพัทยา ซึ่งเป็นสาขาที่ 17 ของเกรฮาวด์ คาเฟ่ในประเทศไทย และเป็นสาขาที่ 2 ของเกรฮาวด์ คาเฟ่ในต่างจังหวัด หลังจากได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามจากสาขาแรกที่หัวหิน
ส่วนการขยายธุรกิจเกรฮาวด์ คาเฟ่ในต่างประเทศ จะดำเนินการผ่านรูปแบบการขายแฟรนไชส์เพื่อขยายตลาดใหม่ในทวีปเอเชียอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันที่ให้สิทธิแฟรนไชส์ในประเทศจีน ฮ่องกง มาเลเซีย และสิงคโปร์ และในไตมาสที่ 2 ของปีนี้ จะมีสาขาแรกในประเทศอินโดนีเซีย รวมถึงจะรุกขยายแฟรนไชส์ในภูมิภาคอื่น ๆ เพิ่มเติม อาทิ ทวีปยุโรป โดยอยู่ระหว่างลงทุนเปิดร้านเกรฮาวด์ คาเฟ่แห่งแรกในมหานครลอนดอน ภายใต้คอนเซปต์ ‘Basic with a Creative Twist’ ใช้งบลงทุน 80-100 ล้านบาท เพื่อเป็นร้านต้นแบบขยายสาขาในยุโรป ซึ่งจะเปิดให้บริการได้ภายในไตรมาส 4 ของปีนี้
ขณะที่ธุรกิจที่ดำเนินการภายใต้สิทธิมาสเตอร์แฟรนไชส์ ได้แก่ ดังกิ้น โดนัท โอ บอง แปง และบาสกิ้น ร็อบบิ้นส์นั้น บริษัทฯ มีแผนขยายสาขาในไทยในทำเลที่มีศักยภาพเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม โดยตั้งเป้าเพิ่มสาขาในไทยเป็น 355 สาขา 96 สาขา และ 54 สาขาตามลำดับภายในสิ้นปี 2563 รวมถึงมีแผนขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนเพื่อขยายตลาดใหม่ ๆ อีกด้วย