GPSC คาด Q2/60 รับผลบวกค่าเอฟทีเพิ่ม-เน้นบริหารต้นทุน พร้อมเดินหน้าโรงไฟฟ้าตามแผน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 4, 2017 15:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเติมชัย บุนนาค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) กล่าวว่า บริษัทวางแผนการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/60 เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากแนวโน้มค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) ที่ปรับตัวสูงขึ้น ผ่านการบริหารจัดการสินทรัพย์โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) อันเป็นสินทรัพย์หลักของบริษัท ซึ่งคาดว่าจะได้รับประโยชน์มากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับโรงไฟฟ้าประเภทอื่นจากการเพิ่มขึ้นของค่าเอฟที

เมื่อเร็ว ๆ นี้คณะกรรมการกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติปรับอัตราค่าเอฟที ที่เรียกเก็บค่าไฟฟ้าในงวดเดือนพฤษภาคม- สิงหาคม เพิ่มขึ้น 12.52 สตางค์/หน่วย เนื่องจากต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นปัจจัยหลักการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าปรับเพิ่มขึ้นเป็น 3.5079 บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 3.7% ขณะที่มีการประมาณการความต้องการใช้ไฟฟ้าในช่วงเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2560 เพิ่มขึ้น 68,198 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 2560 เท่ากับ 5,853 ล้านหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 9.39% ซึ่งเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจขยายตัว

นอกจากนี้บริษัทยังมุ่งมั่นในการบริหารจัดการต้นทุนเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด บนภาวะทิศทางของราคาต้นทุนเชื้อเพลิงที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติ

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของการดำเนินธุรกิจในปี 2560 บริษัทจะมีการรับรู้รายได้เต็มปี จากโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน สำหรับสหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งจันทบุรี จำกัด และรับรู้ส่วนของกำไรจากโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น โครงการ 2 ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าประเภท SPP ในไตรมาส 3 นอกจากนี้ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 จำนวน 2 โครงการ ประกอบด้วย โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ อิจิโนเซกิ โซล่าร์ พาวเวอร์ ในประเทศญี่ปุ่น และโครงการ โรงไฟฟ้าไออาร์พีซี คลีนพาวเวอร์ (IRPC-CP) ระยะที่ 2 ที่จะมีการรับรู้รายได้ในไตรมาส 4

พร้อมกันนี้ บริษัทยังได้กำหนดกลยุทธ์ในการแสวงหาโอกาสการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังมีแผนในการพัฒนาธุรกิจระบบกักเก็บพลังงาน โดยร่วมกับ บริษัท 24M Technologies ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้บรรลุความร่วมมือในการนำเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนของ 24M มาผลิตและจำหน่ายในภูมิภาคอาเซียน

อนึ่ง ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/60 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 5,366 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 750 ล้านบาท โดยเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/59 คิดเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้น 20% ส่วนกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 79% แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/59 มีรายได้ลดลง 2% และกำไรสุทธิลดลง 14% โดยเป็นผลจากการรับเงินปันผลจาก บริษัท ราชบุรีเพาเวอร์ จำกัด ลดลง 60 ล้านบาท ประกอบกับโรงไฟฟ้า IRPC-CP ระยะแรก ที่ถือหุ้นอยู่ 51% มีกำไรลดลงจากลูกค้าที่มีการหยุดซ่อมบำรุง


แท็ก ค่าไฟฟ้า   gps  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ