นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ แนะนำ ผู้ลงทุนที่ต้องการหลีกเลี่ยงความผันผวนของภาวะการลงทุนในช่วงนี้ให้กระจายการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ที่ถือตราสารจนครบของอายุตราสารเพื่อสร้างผลตอบแทนที่แน่นอน โดยระหว่างวันที่ 4-15 พ.ค.นี้ บริษัทเปิดขายกองทุนเปิด วรรณ ไฟแนนเชียล อินสตรูเมนท์ 6M/2 (1FIN6M/2) อายุ 6 เดือน ซึ่งเป็นกองทุนประเภท Rollover เน้นลงทุนในตราสารทั้งในและต่างประเทศ
รอบการลงทุนนี้ กองทุน 1FIN6M/2 จะลงทุนในเงินฝากธนาคาร Agricultural Bank of China Limited ในสัดส่วนการลงทุน 14.50% พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย 1.70% และตั๋วแลกเงินในประเทศ ซึ่งเป็นตั๋วแลกเงินระดับ Investment Grade ที่มีความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงินมีความสามารถชำระเงินต้นและอัตราดอกเบี้ยสูง ได้แก่ บมจ.ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 ตั๋วแลกเงิน บล.เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ ตั๋วแลกเงิน บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง ตั๋วแลกเงิน บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง และ ตั๋วแลกเงิน บมจ.เมืองไทย ลิสซิ่ง ในสัดส่วน 16.70% 16.75% 16.80% 16.75% 16.80% ตามลำดับ โดยผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายประมาณ 1.60%ต่อปี
นายพจน์ กล่าวว่า ทิศทางผลตอบแทนพันธบัตรไทยในสัปดาห์นี้ อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ระยะสั้นมีแนวโน้มปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนอาจเข้ามาพักเงินในระยะสั้นจากสถานการณ์ทั่วโลกที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด อาทิ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐในวันที่ 3 พ.ค. นี้ โดยตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยฯ และผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสรอบ 2 ในวันที่ 7 พ.ค. นี้ ซึ่งคาดว่านาย Emmanuel Macron มีโอกาสที่จะชนะการเลือกตั้ง รวมถึง สถานการณ์ความไม่สงบในเกาหลีเหนือ
ขณะที่อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ระยะยาวมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเป็นแรงกดดันจากการทำรายการ Bond Switching ของกระทรวงการคลังที่จะส่งผลต่ออุปทานพันธบัตรระยะยาวเพิ่มขึ้น