แหล่งข่าวจาก บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า แนวโน้มของยอดขายในช่วงไตรมาส 2/60 จะสูงขึ้นจากไตรมาส 1/60 เพราะเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของกำลังซื้อตั้งแต่ช่วงเดือน มี.ค.ที่ยอดขายเริ่มฟื้นตัวกลับมา จากช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ยอดขายชะลอตัวในทิศทางเดียวกับภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงต้นปี
ในไตรมาส 2/60 บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2.99 พันล้านบาท เป็นทาวน์เฮาส์ทั้ง 2 โครงการ คือ โครงการ Casa City รัตนาธิเบศร์-บางพลู จำนวน 491 ยูนิต มูลค่า 1.71 พันล้านบาท และโครงการ Gusto กิ่งแก้ว-สุวรรณภูมิ จำนวน 439 ยูนิต มูลค่า 1.28 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการเปิดโครงการตามแผนงานที่ตั้งไว้ตั้งแต่ช่วงต้นปี
แม้ว่าการเปิดโครงการใหม่ในไตรมาสนี้จะมีจำนวนเท่ากับไตรมาส 1/60 ที่เป็นทาวน์เฮ้าส์จำนวน 2 โครงการเท่ากัน แต่มีมูลค่าโครงการเพิ่มขึ้นค่อนข้างจาก 1.6 พันล้านบาทในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งได้แก่ โครงการ Casa City King กิ่งแก้ว-สุวรรณภูมิ มูลค่า 540 ล้านบาท และโครงการ Gusto ราชพฤกษ์-พระราม 5 มูลค่า 1.06 พันล้านบาท
แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า บริษัทยังคาดว่าแนวโน้มของยอดขายในช่วงครึ่งปีหลังจะเห็นความโดดเด่นมากขึ้น จากสถานการณ์กำลังซื้อที่เริ่มกลับมาฟื้นตัวและแนวโน้มเศรษฐกิจที่เห็นการฟื้นตัวอย่างชัดเจน หลังจากภาครัฐได้เดินหน้าลงทุนโครงการต่างๆ มากขึ้น และการที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายรายมีแผนเปิดโครงการใหม่มากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งเป็นการช่วยกระตุ้นภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้มีความคึกคักมากขึ้นด้วย
สำหรับ QH มีแผนเปิดโครงการใหม่ช่วงครึ่งปีหลังทั้งหมด 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 6.87 พันล้านบาท โดยในไตรมาส 3/60 จะเปิดตัวโครงการมากถึง 4 โครงการในทำเลดอนเมือง-สรงประภา เป็นโครงการทาวน์เฮาส์ 2 โครงการ และบ้านเดี่ยว 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 5.93 พันล้านบาท และในไตรมาส 4/60 จะเปิดตัวโครงการใหม่ 1 โครงการย่านติวานนท์ มูลค่า 940 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามแผนของบริษัทที่กำหนดไว้ว่าทั้งปีนี้จะเปิดโครงการใหม่ 10 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 1.14 หมื่นล้านบาท
"ปีนี้โครงการใหม่ของบริษัทจะเป็นโครงการทาวน์เฮาส์เป็นหลัก เพราะเป็นประเภทที่อยู่อาศัยที่มีเรียลดีมานด์อยู่จริงๆ และเป็นประเภทของสินค้าที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมากสำหรับคนอยากมีที่อยู่อาศัยแนวราบและไม่ได้ซีเรียสว่าจะต้องอยู่ติดสถานีรถไฟฟ้า ทำเลก็ยังอยู่ในแนวรถไฟฟ้าแต่ห่างจากสถานีออกไปนิดหน่อย
โดยโครงการที่เปิดใหม่ในปีนี้ยังคงอยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตได้ดี ในส่วนของราคาขายเฉลี่ยในปีนี้จะเน้นไปที่โครงการระดับราคาตั้งแต่ 2.5 ล้าน/ยุนิต ขึ้นไป เพราะมองว่าเป็นกลุ่มลูกค้าที่ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการขอสินเชื่อ หรือมีปัญหาน้อยกว่าระดับราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งเราได้ลูกค้าที่มีศักยภาพมากที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงเข้ามา และไม่กระทบกับการโอนของบริษัทด้วย"แหล่งข่าว กล่าว
แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า ถึงขณะนี้บริษัทยังมั่นใจว่าจะทำยอดขายทั้งปี 60 ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.8 หมื่นล้านบาท พร้อมกับมั่นใจรายได้จะเป็นไปตามเป้าที่ 1.9 หมื่นล้านบาทด้วย โดยปัจจุบันบริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 6 พันล้านบาท แบ่งเป็น Backlog จากโครงการคอนโดมิเนียม 5.4 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 3.4 พันล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 2 พันล้านบาทจะทยอยโอนในปี 61 และ Backlog อีก 600 ล้านบาทเป็นของโครงการทาวน์เฮาส์ที่จะรับรู้รายได้ในปีนี้ทั้งหมด
บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินในปีนี้ไว้ที่ 5-6 พันล้านบาท เพื่อใช้ซื้อที่ดินเพื่อมาพัฒนาโครงการแนวราบเป็นหลัก ซึ่งการเลือกทำเลจะพิจารณาจากดีมานด์และซัพพลายด์ในแต่ละพื้นที่ รวมถึงการคมนาคมของแต่ละทำเล โดยนโยบายของบริษัทเมื่อซื้อที่ดินเข้ามาแล้วจะต้องพัฒนาโครงการทันที และมีระยะเวลาการพัฒนาโครงการตั้งแต่การก่อสร้างไปจนถึงการโอนภายใน 8-10 เดือน