โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.อาซีฟา (ASEFA) แม้กำไรในช่วงไตรมาส 1/60 มีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการส่งมอบงานโครงการที่ล่าช้า แต่ด้วยปริมาณงานในมือ (Backlog) ที่มีกว่า 2 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้มากกว่า 60-70% จะช่วยหนุนกำไรสุทธิทั้งปีนี้เติบโตต่อเนื่อง
ประกอบกับ ASEFA มีแผนจะประมูลงานใหม่ โดยเฉพาะงานโครงการภาครัฐที่มีนัยสำคัญต่อ ASEFA ทั้งโครงการรถไฟฟ้า, โครงการนำสายไฟลงดิน และโครงการสุวรรณภูมิเฟส 2 ที่จะทยอยเปิดประมูลต่อเนื่อง เชื่อว่าจะช่วยหนุนให้รายได้ของ ASEFA ซึ่งเป็นผู้นำตลาดในธุรกิจสวิตช์บอร์ดไฟฟ้าทำระดับสูงสุดได้ในช่วงปี 62-63
ขณะที่ราคาหุ้น ASEFA ยังมี Upside และคาดว่ามีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend yield) ในปี 60 ในระดับที่สูง ซึ่งหากราคาหุ้นอ่อนตัวลงหลังการประกาศผลประกอบการในไตรมาส 1/60 ก็เป็นโอกาสที่จะเข้าลงทุนได้
ราคาหุ้น ASEFA พักเที่ยงไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ที่ 7.85 บาท ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยลดลง 0.40%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
ฟิลลิป (ประเทศไทย) ทยอยซื้อ 8.60
ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 9.70
เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 9.40
กรุงศรี ซื้อ 9.30
นางสาวนารี อภิเศวตกานต์ นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ ASEFA ในช่วงไตรมาส 1/60 มีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากการส่งมอบงานโครงการที่ล่าช้า โดยคาดว่าจะมีกำไร 59 ล้านบาท ลดลง 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดว่ายอดขายจะลดลง 1% มาอยู่ที่ 620 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ASEFA ด้วยปริมาณงานในมือที่มีกว่า 2 พันล้านบาท ที่จะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้มากกว่า 60-70% โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะเดียวกันยังมีแผนจะประมูลงานใหม่ในช่วงที่เหลือของปี จึงยังคงประมาณการยอดขายปีนี้ที่ 3.11 พันล้านบาท เติบโต 11% และมีกำไรสุทธิที่ 315 ล้านบาท เติบโต 9% จากปีก่อน
ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์โดยคาดการณ์ว่า กำไรไตรมาส 1/60 ของ ASEFA จะอยู่ที่ 61 ล้านบาท ลดลง 29.9% จากไตรมาสก่อนที่เป็นระดับสูงสุดรายไตรมาสของปี 59 โดยเป็นไปตามคาดว่ารายได้ในไตรมาสแรกของปีนี้จะลดลง 19.1% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งเป็นการรับรู้รายได้ที่ลดลงตามฤดูกาล และกำไรสุทธิจะลดลง 3.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง ขณะที่รายได้จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกันกับงวดปีก่อน
ทั้งนี้ ประเมินว่ากำไรในไตรมาส 1/60 จะคิดเป็นสัดส่วน 19% ของคาดการณ์กำไรทั้งปี 60 ที่ 324 ล้านบาท หรือเติบโต 12.6% จากปี 59 โดยคาดว่าไตรมาสถัดไป ASEFA จะมีการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้น และเร่งตัวขึ้นในครึ่งปีหลัง ตามปกติที่จะมีการส่งมอบงานมากในช่วงดังกล่าว จึงยังคงเป้ารายได้ปี 60 เติบโต 13% ใกล้เคียงกับเป้าของ ASEFA ที่คาดรายได้โต 10-15% เป็นระดับ 3.15 พันล้านบาท หนุนโดยปริมาณงานในมือที่ปัจจุบันคาดว่ายังอยู่ในระดับสูงที่ 1.9-2.0 พันล้านบาท และคาดรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้เป็นสัดส่วน 60-70%
โดยยังคงคำแนะนำ"ซื้อ"ที่ราคาเป้าหมาย 9.70 บาท บนระดับ PE 16.5 เท่า ยังมี Upside 24% และคาดว่ามีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend yield) ในปี 60 ที่ 4.5% ซึ่งหากราคาหุ้นปรับตัวลดลงหลังจากประกาศงบการเงินไตรมาส 1/60 ก็เป็นโอกาสในการเข้าซื้อเพื่อลงทุนอีกครั้ง
"เรายังชอบ ASEFA จากคาดการณ์กำไรปีนี้โตต่อเนื่อง 13% ตามรายได้ โดยมี Backlog ระดับสูงหนุน จากความสามารถในการหางานได้แข็งแกร่งดีกว่าอุตสาหกรรมรวมทั้งได้อานิสงส์จากการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ใน 3-4 ปีข้างหน้า"บทวิเคราะห์ฟินันเซียฯ ระบุ
ด้านบทวิเคราะห์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) คาดการณ์กำไรสุทธิของ ASEFA ในปีนี้ที่ระดับ 327 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.6% จากปีก่อน จากการขยายหน้าร้านไปยัง 10 แห่งตามต่างจังหวัดทั่วประเทศไทย อีกทั้งยังได้แรงหนุนจากโครงการภาครัฐจำนวนมากที่จะออกประมูลในปีนี้ โดยโครงการภาครัฐที่ ASEFA ได้ประโยชน์อย่างมีนัยสำคัญต่อรายได้ ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้า, โครงการนำสายไฟลงดิน และโครงการสุวรรณภูมิเฟส 2
โดยมูลค่าสวิตช์บอร์ดไฟฟ้าของโครงการรถไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 100-200 ล้านบาทต่อสาย , มูลค่าสวิตช์บอร์ดไฟฟ้าของโครงการนำสายไฟลงดินอยู่ที่ประมาณ 3% ของมูลค่าทั้งหมด , และมูลค่าสวิตช์บอร์ดไฟฟ้าของโครงการสุวรรณภูมิอยู่ที่ 300-400 ล้านบาท โดยงานสวิตช์บอร์ดเป็นงานท้ายๆ ของโครงการ ส่งผลให้คาดว่ารายได้ของ ASEFA จะถึงจุดสูงสุดในช่วงปี 62-63
นอกจากนี้ ผู้บริหารของ ASEFA ยังระบุว่าจะมีการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายไม่ให้เพิ่มขึ้น และพยายามจะทำให้มีแนวโน้มลดลงอีกด้วย ซึ่งก็จะช่วยหนุนผลการดำเนินงานในปีนี้ด้วย