เภสัชกรหญิง อมร พุฒิพิริยะ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ธนพิริยะ (TNP) คาดว่าภาพรวมธุรกิจค้าปลีกของ บริษัทในช่วงไตรมาส 2/60 มีแนวโน้มเติบโตขึ้นจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ฟื้นตัว และการกระตุ้นจากภาครัฐบาลในการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค โดยกลยุทธ์ต่อจากนี้ ยังคงมุ่งเน้นขยายการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกท้องถิ่นให้มีสาขาครอบคลุมพื้นที่ศักยภาพ ตั้งเป้าเปิดสาขาเพิ่มอีก 4 สาขาในปีนี้ หรือสิ้นปีมีสาขารวมกันทั้งสิ้น 19 สาขา โดยใช้งบลงทุนรวม 60 ล้านบาท โดยมั่นใจเป้าหมายรายได้ทั้งปี 60 จะเติบโตอีก 10-15% จากปีก่อนมีรายได้อยู่ที่ 1,448.20 ล้านบาท
สำหรับสาขาแรกของปีนี้ที่อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ได้เปิดใช้บริการเป็นที่เรียบร้อยแล้วในเดือนเมษายนที่ผ่านมาซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และจะเข้ามาสนับสนุนยอดขายในไตรมาส 2/60 เป็นต้นไป ส่วนอีก 3 สาขาที่อยู่ระหว่างทยอยเปิดในปีนี้นั้น ที่จังหวัดเชียงราย 1 สาขา และขยายเข้าไปเปิดที่จังหวัดพะเยาอีก 2 สาขา มั่นใจจะเปิดได้ตามแผน และคาดว่าสาขาใหม่จะได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี สนับสนุนให้บริษัทครองความเป็นผู้นำค้าปลีกท้องถิ่นของคนไทยที่มีสาขาครอบคลุมพื้นที่ในจังหวัดเชียงรายและบริเวณใกล้เคียงได้
นอกจากนี้ ศูนย์กระจายสินค้าแห่งใหม่บนเนื้อที่กว่า 10,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) จะเปิดใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพในช่วงปลายเดือนนี้ เป็นอีกปัจจัยสนับสนุนการขยายสาขาในช่วงต่อจากนี้ของธนพิริยะ ให้แข็งแกร่งกว่าเดิม
ด้านนายธวัชชัย พุฒิพิริยะ กรรมการผู้จัดการ ของ TNP กล่าวถึงผลประกอบการงวดไตรมาส 1/60 ว่า บริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการอยู่ที่ 377.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.19% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่วนต้นทุนการขายและให้บริการอยู่ที่ 327.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.63% และมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 13.29% จากระดับ 12.02% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน แสดงให้เห็นถึงการบริหารจัดการที่ดี สนับสนุนกำไรสุทธิอยู่ที่ 14.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.76% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 3.86% จากระดับ 3.14% ในงวดเดียวกันของปีก่อน
"ผลงานโค้งแรกของปีนี้ที่ออกมาถือว่าน่าพอใจ รายได้ของบริษัท เติบโตขึ้นราว 8.2% เมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 1/59 และโต 1.7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/59 จากการขยายสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา โดยมีสาขาเมื่อสิ้นปี 59 จำนวน 15 สาขา และตั้งเป้าขยายเพิ่มอีกในปีนี้ 4 สาขา เพิ่มสัดส่วนรายได้จากการขายปลีกซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าเมื่อเทียบกับรายได้จากการขายส่ง หรือมีสัดส่วนอยู่ที่ 84% และ 16% ของยอดขายรวมตามลำดับ รวมทั้งการได้รับค่าสนับสนุนการขายจากผู้จำหน่าย และการบริหารจัดการภายในได้อย่างมีศักยภาพ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่สัดส่วนต้นทุนขายและการให้บริการอยู่ที่ 86.71% ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 1.27% นับเป็นการเติบโตได้ตามแผนที่วางไว้"นายธวัชชัย กล่าว