นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ ดัชนีมีโอกาสปิดลดลงเล็กน้อย การเคลื่อนไหวจะยังคงอยู่ในกรอบแคบๆ ต่อไป เนื่องจากตัวแปรทั้งในและต่างประเทศรวมแล้ว ยังไม่ได้หนุนหรือพลิกให้ตลาดหุ้นกลับมาเป็นบวกได้อย่างชัดเจน ทำให้การเข้าลงทุนของนักลงทุนจะเป็นแบบ selective buy และเก็งกำไรช่วงสั้น
"แม้ปัจจัยเสี่ยงของตลาดจะค่อยๆลดลง แต่ตลาดยังขาดปัจจัยหรือแรงซื้อ กลยุทธ์ของเราคือแนะนำชะลอดูสถานการณ์ ถ้าดัชนีฯลงมาต่ำกว่า 1,566 ให้ลดพอร์ตลง หรือเล่นแบบเก็งกำไรช่วงสั้นๆ ในแบบ “ลงซื้อ ขึ้นขาย" สำหรับหุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ อาทิ KKP , INTUCH ,ERW, MTLS ,MC, JMART , AU"นายมงคล กล่าว
แม้ตัวเลขจ้างงานของสหรัฐออกมาดีและผลการเลือกตั้งของฝรั่งเศส แต่การตอบรับของนักลงทุนในตลาดต่างประเทศนั้นไปมองอีกด้านหนึ่งด้วย คือ โอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) 14 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ ค่าความน่าจะเป็นในการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด (Fed Fund Rate Implies Probabilities) สำหรับการประชุม FOMC 14 มิ.ย. อยู่ที่ 95% และนักลงทุนจับตาการเลือกตั้งรัฐสภาฝรั่งเศสในเดือนหน้า เพื่อดูว่าพรรค La Republique en march ของนายเอมมานูเอล มาครอง จะสามารถกวาดที่นั่งส่วนใหญ่ในรัฐสภาได้หรือไม่ จึงทำให้ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ-ยุโรป เปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย
ทั้งนี้ จากความเสี่ยงของตลาดที่ทยอยลดลงทั้งสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี และการเลือกตั้งในฝรั่งเศส ส่งผลให้นักลงทุนเข้าถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นบวกต่อราคาทองคำ แต่ทำให้ราคาพันธบัตรปรับตัวลดลง เพราะนักลงทุนเก็งว่าสหรัฐฯจะปรับขึ้นดอกเบี้ย นอกจากนี้ เราคาดว่าจะเป็นบวกต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ด้วย
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดไปที่ 46 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ความกังวลต่อซัพพลายที่ล้นตลาดมีน้อยลง หลังตัวแทนของโอเปก คือ ซาอุดิอาราเบียและรัสเซีย ประกาศว่าจะร่วมมือกันลดกำลังการผลิตต่อไปอีกจนถึงไตรมาส 1/61 ทำให้การประชุม 25 พ.ค.นี้ของกลุ่มโอเปกผลน่าจะออกมาดี และเป็นสัญญาณว่าผู้ผลิตน้ำมัน พยายามไม่ให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงไปต่ำกว่าระดับ 45 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มน้ำมันและปิโตรเคมี
ส่วนปัจจัยในประเทศ ตลาดยังให้ความสนใจต่อการรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/60 ที่เริ่มออกมามากขึ้นในสัปดาห์นี้ จากการรวบรวบรวมข้อมูล 55 บริษัทฯ ที่นำส่งผลประกอบการมาแล้ว พบว่ามีการเพิ่มขึ้น 19% YoY และ 33% QoQ นอกจากนี้ ยังต้องจับตาดู Event สำคัญ คือ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) จะมีการแถลงข่าวในเรื่องคดีที่ถูกทางการอินโดนีเซียฟ้อง (เวลา 10.00 น.) และการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกทั้ง ต้องดูท่าทีของนักลงทุนต่างประเทศว่าจะพลิกกลับมาซื้อหุ้นไทยเป็นวันที่สองหรือไม่ หลังขายมาตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา