นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจกำไรก่อนหักภาษี ค่าเสื่อม และการตัดจำหน่าย (EBITDA)ในปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายที่เติบโต 20% หรือมาอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่ 1.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากแนวโน้มของราคาน้ำมันที่มีความผันผวนลดลงค่อนข้างมากจากปีก่อน แม้ว่าในปัจจุบันราคาน้ำมันจะมีการปรับตัวลดลงไปบ้าง แต่มองว่ายังมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้ เพราะปริมาณความต้องการใช้น้ำมันยังคงอยู่ในระดับสูง จะเห็นได้จากปริมาณความต้องการใช้น้ำมันเฉพาะประเทศไทยที่ยังเติบโตในระดับ 4-5% ซึ่งในส่วนของบริษัทมีปริมาณการขายน้ำมันที่เติบโตสูงกว่าตลาดที่ 6-7% แต่อย่างไรก็ตามยังคงมีปัจจัยกดดันราคาน้ำมันในเรื่องของปริมาณการผลิตของ shale oil ที่ยังมีปริมาณการผลิตออกมามาก แต่มองว่าจะไม่กระทบต่อราคาน้ำมันมากนัก ซึ่งบริษัทยังมองว่าราคาน้ำมันเฉลี่ยในปีนี้จะอยู่ที่ 55 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
นอกจากนี้ในปีนี้โรงกลั่นของบริษัทยังมีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ซึ่งในไตรมาส 1/60 ปริมาณการกลั่นเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 120,000 บาร์เรล/วัน แต่บริษัทยังคาดว่าปริมาณการกลั่นน้ำมันของโรงกลั่นในปีนี้จะยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่เฉลี่ย 110,000 บาร์เรล/วัน
ในขณะที่แนวโน้มของค่าการกลั่นยังมีทิศทางการปรับตัวเพิ่มขึ้นซึ่งบริษัทคาดว่าค่าการกลั่นในปีนี้จะเฉลี่ยอยู่ที่ 6-7 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล สูงขึ้นจากปีก่อนที่ 5.99 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล โดยไตรมาส 1/60 ค่าการกลั่นได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 7.05 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งส่งผลช่วยสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานในใตรมาสแรกที่ผ่านมามีกำไรที่ออกมาดีราว 2 พันล้านบาท ซึ่งหากระดับค่าการกลั่นทั้งปีนี้เป็นไปตามที่บริษัทคาดการณ์จะเป็นปัจจัยหนุนให้ EBITDA ทั้งปีเป็นไปตามเป้าหมาย
ส่วนแนวโน้มปริมาณการขายน้ำมันผ่านสถานีบริการน้ำมันบางจากในไตรมาส 2/60 คาดว่าจะลดลงจากไตรมาส 1/60 ที่มีปริมาณการขายน้ำมันผ่านสถานีบริการน้ำมันบางจากเฉลี่ยอยู่ที่ 513 ล้านลิตร/เดือน เนื่องจากในช่วงไตรมาส 2/60 เป็นช่วงที่เข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่น ซึ่งเป็นฤดูฝนของประเทศไทยในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน มีผลต่อการเติมน้ำมันที่ลดลงของผู้ใช้รถยนต์ ทำให้แนวโน้มปริมาณการขายน้ำมันผ่านสถานีบริการน้ำมันของบริษัทอาจจะลดลงเล็กน้อยในไตรมาส 2/60
แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังมั่นใจว่าปริมาณการการขายน้ำมันของบริษัทในปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายเฉลี่ยอยู่ที่ 530 ล้านลิตร/เดือน พร้อมกับการเพิ่มส่วนแบ่งตลาด (Market Share) ของสถานีบริการน้ำมันบางจากเพิ่มเป็น 15.5% ตามเป้าหมาย ซึ่งในสิ้นไตรมาส 1/60 สถานีบริการน้ำมันบางจากมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นมาเป็น 15.2% ยังคงเป็นอันดับ 2 ของตลาด
"ปริมาณยอดขายน้ำมันของปั๊มน้ำมันบางจากในไตรมาส 2 อาจจะลดลงจากไตรมาสแรกเล็กน้อย เพราะปกติช่วงไตรมาส 2 และ 3 เป็นช่วงโลว์ซีซั่นในฤดูฝน ซึ่งคนใช้รถจะเติมน้ำมันลดลง ตอนนี้สำหรับบริษัทจะหันมาโฟกัสปั๊มของเรามากขึ้น เพื่อเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ให้ได้ตามเป้าหมายที่ 15.5% ตอนนี้ปั๊มบางจากก็มีมาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้นมาแล้วในไตรมาสแรกที่ 15.2%"นายชัยวัฒน์ กล่าว
ด้านธุรกิจชีวภาพหลังจากที่บริษัทได้จัดตั้ง บริษัท บีบีพี โฮลดิ้ง จำกัด เพื่อทำธุรกิจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ชีวภาพ บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการผลิตและพัฒนาโครงการผลิตผลิตภัณฑ์ชีวภาพใหม่ที่ต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนมิถุนายนนี้ โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนในโครงการดังกล่าวในหลักพันล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทยังขอไม่เปิดเผยรายละเอียดในการลงทุนโครงการดังกล่าว ทั้งนี้ การรวมธุรกิจชีวภาพเข้ามาในบริษัทใหม่บริษัทได้รวมธุรกิจไบโอดีเซลและเอทานอลเข้ามาด้วย โดยวัตถุประสงค์ของธุรกิจชีวภาพเพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของภาครัฐ ที่จะต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลิตภัณฑ์เดิมที่มีอยู่ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์การเกษตร ซึ่งเป็นเรื่องที่บริษัทต้องการส่งเสริมและพัฒนาต่อไป
ในวันนี้ (9 พ.ค. 60) บางจาก ได้เปิดตัวน้ำมันดีเซลใหม่ คือ Hi Premium Diesel S ที่จะเริ่มจำหน่ายในสถานีบริการน้ำมันบางจากตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค. 60 เป็นต้นไป ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่กว่า 70 แห่ง และจะเพิ่มเป็น 200 แห่งในสิ้นปี 69 ซึ่งคาดว่าจะมีการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ซึ่งตั้งเป้ายอดขายน้ำมันดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 4 ล้านลิตร/เดือน พร้อมกับการทำกิจกรรมการตลาด การให้ความรู้เรื่องคุณภาพน้ำมัน และกิจกรรมส่งเสริมการขายมอบคะแนน 6 เท่า ให้สมาชิกบางจากดีเซลคลับที่เติม Hi Premium Diesel S ทุกลิตร ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค.-31 ส.ค. 60
"Hi Premium Diesel S เป็นนวัตกรรมพรีเมียมดีเซลอนาคตที่ตอบสนองการใช้งานของผู้ใช้รถที่ต้องการน้ำมันดีเซลคุณภาพสูง รองรับเทคโนโลยีรถรุ่นใหม่ โดย Hi Premium Diesel S ของบางจากมีจุดเด่นในเรื่ององค์ประกอบน้ำมันที่มีค่าซีเทนสูงถึง 70 และมาตรฐาน Euro 5 ที่ช่วยในเรื่องประสิทธิภาพของรถและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน ซึ่งผลิตภัณฑ์ใหม่นี้เป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงอย่างต่อเนื่องของบริษัท หลังจากที่ได้ทำการพัฒนาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ด้วยเทคโนโลยี Green S Revolution และน้ำมันไฮ ดีเซล S ซึ่งผู้บริโภคตอบรับเป็นอย่างดี และมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง"นายชัยวัฒน์ กล่าว