(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นขึ้นตามตลาดภูมิภาค เล็งแรงหนุนจากกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันรีบาวด์

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ เนื่องจากราคาน้ำมันที่รีบาวด์น่าจะช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน แต่ก็ให้จับตาการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/60 ของบริษัทจดทะเบียนต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยดีมากนัก

อย่างไรก็ดี ในทางเทคนิคของตลาดฯดูไม่ค่อยดีมากนัก ซึ่งไม่ควรจะหลุดแนวรับ 1,553 จุด ถ้าหลุดก็มีโอกาสที่จะปรับตัวลงยาว ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,571 จุด

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวกกัน ซึ่งปัจจัยนอกประเทศก็ยังต้องติดตามเรื่องของสหรัฐฯต่อไปเรื่อย ๆ เพราะเวลานี้จะเห็นได้ว่าทางญี่ปุ่น และยุโรปก็ไม่อยากจะใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินแล้ว

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

• ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (10 พ.ค.60) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,943.11 จุด ลดลง 32.67 จุด (-0.16%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,129.14 จุด เพิ่มขึ้น 8.56 จุด (+0.14%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,399.63 จุด เพิ่มขึ้น 2.71 จุด (+0.11%)
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 43.86 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 16.00 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 43.37 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 0.19 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 8.35 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 11.11 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 9.73 จุด
• ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 พ.ค.60) 1,560.31 จุด ลดลง 7.71 จุด (-0.49%)
• นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 374.46 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 พ.ค.60
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (10 พ.ค.60) ปิดที่ 47.33 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 1.45 ดอลลาร์ หรือ 3.2%
• ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 พ.ค.60) ที่ 6.22 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
• เงินบาทเปิด 34.80 อ่อนค่าหลังดอลล์แข็งจากคาดการณ์เฟดมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ย
• กนอ.เผยลงทุนในนิคมฯเพิ่มสูง หลังรัฐบาลเดินหน้าพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรืออีอีซี ยอดเช่า-ซื้อ 6 เดือนพุ่ง 7.1 หมื่นล้านบาท คาดทั้งปีเข้าเป้า พร้อมเร่งหา 5 หมื่นไร่ รับลงทุน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมอีก 5 ปี ชี้ท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3 ผ่านอีเอชไอเอรอบแรก คาดก่อสร้างปี 61
• "กอบศักดิ์ ภูตระกูล" ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ช่วงปลายเดือน พ.ค.นี้ คณะกรรมการบริหารการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กรศ.) ที่มี นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เป็นประธาน จะประชุมเพื่อพิจารณาแนวทาง เพื่อลดขั้นตอนการดำเนินงานในโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (พีพีพี) สำหรับโครงการในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ให้เหลือเวลาดำเนินการ 8-10 เดือน หรือ พีพีพีซูเปอร์ฟาสต์แทร็ก
• คมนาคมเดินหน้าใช้ระบบตั๋วร่วม มั่นใจใช้ได้กับรถเมล์ก่อนภายในเดือน ต.ค.แน่นอน จี้เร่งพิจารณาร่างกฎหมาย 3 ฉบับ ให้แล้วเสร็จภายในเดือน พ.ค.60 ด้าน สนข.รับเลื่อนเปิด "บัตรแมงมุม" หลังผลการเจรจา 3 รถไฟฟ้าไร้ข้อสรุป
• กระทรวงอุตสาหกรรมได้นำเสนอของบประมาณประจำปี 2561 จำนวน 5,901 ล้านบาท ลดลงจากปีงบประมาณ 2560 ประมาณ 1% หรือลดลง 21 ล้านบาท โดยงบประมาณส่วนใหญ่จะเน้นนำไปใช้ในงานตามนโยบายสำคัญๆประมาณ 47% หรือคิดเป็นวงเงิน 2,770 ล้านบาท โดยแผนงานทั้งหมดของกระทรวงจะตอบสนองยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 (ปี 2560-2564) ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีใน 4 ด้านสำคัญๆ อาทิ ยุทธศาสตร์การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศคิดเป็น 69% ยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาความยากจน 2% ยุทธศาสตร์การจัดการน้ำ 1%

*หุ้นเด่นวันนี้

• PLANB (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 7.50 บาท มองเป็น laggard play ในกลุ่มสื่อตาม WORK และเป็น Turnaround plays คาดกำไรกลับมาขยายตัว +62% ปีนี้ที่ 570 ล้านบาท จากทั้งการเติบโตรายได้ค่าโฆษณาผ่าน Out of home media และแหล่งรายได้ใหม่จากการ Sponsorship ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก โดย PE ปัจจุบันที่ 32x ต่ำกว่า WORK และ RS ที่ 40x และ 42x ตามลำดับ ขณะที่ทางเทคนิคมีเป้าหมายการฟื้นตัวระยะสั้นที่ 5.80 บาท
• SPALI (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 30 บาท กำไรต่ำกว่าตลาดคาดประมาณ 20% มีกำไรเพียง 686 ล้านบาท -43.1% Q-Q, -50.8% Y-Y แม้เป็นที่คาดการณ์อยู่แล้วว่ากำไรจะไม่ดีนักและเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้ เพราะโครงการส่วนใหญ่เร่งโอนไปใน 4Q59 แล้วและแทบไม่มีโครงการใหม่โอนเลย แต่รายได้ก็ยังต่ำกว่าคาดมาก ลดลงกว่า 40% ทั้ง Q-Q, Y-Y แม้กำไร 1Q60 จะคิดเป็น 13% ของประมาณการทั้งปี แต่ยังเห็นภาพการฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของปี ด้วยจุดแข็งคือมี Backlog ที่แข็งแกร่ง 4 หมื่นล้านบาท
• MINT (ยูโอบี เคย์เฮียน) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้นตัว ขณะที่คาดผลประกอบการไตรมาส 1/60 แข็งแกร่ง ราคาหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวที่ Underperform ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้หุ้นอยู่ในภาวะ Underowned
• KBANK (ยูโอบี เคย์เฮียน) พอร์ตสินเชื่อมีแนวโน้มการเติบโตที่โดดเด่นในช่วงครึ่งปีหลัง (2H60) ตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ประกอบกับความสามารถในการบริหารพอร์ตเงินฝากที่มีประสิทธิภาพทำให้มีต้นทุนในการบริหารจัดการที่ต่ำ ส่งผลบวกต่อทิศทางการเติบโตของ NIM