นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ (11 พ.ค.) ดัชนีมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นหลังถูกเทขายไป แต่ยังถูกดันจากเรื่องเงินทุนไหลออก โดยความน่าจะเป็น (Fed Fund Rate Implies Probabilities) สำหรับการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) วันที่ 14 มิ.ย. อยู่ที่ 95% ค่าเงินดอลลาร์ดีดตัวขึ้นต่อเนื่องเทียบกับเงินเยน ล่าสุดอยู่ที่ 114 เยน/ดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ดีดตัวกลับขึ้นมาเหนือ 3.0% อีกครั้ง ข่าวนี้มีผลต่อ Fund Flow ซึ่งจะเห็นได้จากมีการถือสินทรัพย์สกุลเยน หรือพันธบัตร ลดลง รวมถึงการที่ประธานธนาคารกลางยุโรประบุว่าความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจยูโรโซนได้ลดลงแล้ว แต่ยังไม่ถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นบวกต่อตลาดยุโรปโดยตรง แต่มีผลต่อ Fund Flow ที่อาจไหลกลับไปที่ตลาดยุโรป (เป็นลบต่อตลาดอื่นๆ)
ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ที่เกาหลีเหนือจะทดลองอาวุธนิวเคลียร์ในเร็วๆนี้ และตลาดกำลังจับตาดู นโยบายของผู้นำเกาหลีใต้คนใหม่และประเด็นเรื่องนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ประกาศปลดนายเจมส์ โคมีย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) พ้นจากตำแหน่ง ประเด็นนี้ ตลาดสหรัฐฯ ตีความเป็นลบเพราะอาจมีผลต่อการเดินนโยบายต่างๆของประธานาธิบดีสหรัฐได้
โดยจากข่าวจึงมีปัจจัยบวกและลบรวมๆกัน แต่ตลาดเอเชียเช้านี้ น่าจะได้ปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้นมาแตะ 47 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล อีกครั้งหลังกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ยืนยันว่าจะต่ออายุข้อตกลงลดกำลังการผลิตน้ำมันไปถึงปีหน้า และตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ที่ลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับปัจจัยในประเทศ จะยังเป็นเรื่องการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1/60 ที่ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่องกำไรของบริษัทที่รายงานมาแล้ว โดยรวมยังเพิ่มขึ้นทั้งช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อน และตัวแปรด้านเศรษฐกิจในประเทศ ในส่วนของภาคการลงทุนของรัฐฯและกำลังซื้อของผู้บริโภค อาจยังเป็นตัวแปรที่นักลงทุนมีความกังวลอยู่บ้าง นอกจากนี้ ข่าวที่ PTTEP ถูกฟ้อง มีผลต่อหุ้น PTTEP และ PTT หากนักลงทุนยังไม่คลายความกังวลต่อข่าวนี้ จะเป็นลบต่อตลาดด้วย
ดังนั้นทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ KTBST ประเมินว่าทิศทางดัชนีฯ ว่ามีโอกาสที่จะดีดตัวกลับหลังถูกขายออกมามากในวันก่อน และราคาน้ำมันที่ดีดตัวสูงขึ้น แต่ถึงกระนั้น ด้วยความกังวลที่มีต่อ Fund Flow และปัจจัยด้านเศรษฐกิจ จะทำให้ดัชนีฯนั้นปรับตัวขึ้นไปได้ไม่มากนัก
"ทิศทางตลาดยังไม่ชัดเจนและขาดแรงซื้อ จากดัชนีฯปรับตัวลงมาต่ำกว่าแนวรับสำคัญที่ 1,566 จุด ตามที่เคยแนะนำไว้ คือลดพอร์ตหรือชะลอการลงทุน สำหรับนักเก็งกำไรช่วงสั้น ควรเล่นแบบ “ลงซื้อ ขึ้นขาย" จนกว่าตลาดจะมีทิศทางที่ชัดเจนกว่านี้ สำหรับหุ้นที่คาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนในวันนี้ ได้แก่ TOP, KKP , SMT , MTLS , KAMART"นายมงคล กล่าว