นายฟรานซิส แวนเบลเลน กรรมการผู้จัดการ บมจ.ผาแดงอินดัสทรี (PDI) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/60 บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ 1,517 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 313 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 282 ล้านบาท จากระดับ 30 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
สำหรับสาเหตุหลักที่รายได้และกำไรในไตรมาส 1/60 ที่เพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องมาจากราคาโลหะสังกะสีโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคาเฉลี่ยไตรมาสแรกปีนี้อยู่ที่ 2,781 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 66 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับรับรู้รายได้จำนวน 59 ล้านบาทจากการขายหุ้นทั้งหมดในบริษัท แม่สอดพลังงานสะอาด จำกัด ซึ่งบริษัทถือหุ้นร้อยละ 35 รวมทั้งรับรู้รายได้จากธุรกิจใหม่โรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มแม่ระมาด ที่จังหวัดตาก
นายฟรานซิส กล่าวอีกว่า หากราคาโลหะสังกะสีโลกในปี 60 ยังคงปรับตัวสูงต่อเนื่องอยู่ในระดับ 2,800 -2,900 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน จะส่งผลดีต่อการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้ ทำให้เชื่อมั่นว่าแนวโน้มผลประกอบการปี 60 กำไรสุทธิจะยังเติบโตมากและมีโอกาสสร้างสถิติใหม่อีกครั้ง เนื่องจากในปีนี้บริษัทยังมีโลหะสังกะสีที่ผลิตจากแร่แม่สอดซึ่งมีต้นทุนต่ำอยู่อีกจำนวนกว่า 30,000 ตัน ซึ่งจะได้รับอานิสงส์จากราคาเฉลี่ยสังกะสีโลกที่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก
นอกจากนี้บริษํษทยังมีรายได้จากธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรกที่ญี่ปุ่นขนาด 2.27 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มแม่ระมาดที่จังหวัดตาก ขนาดกำลังการผลิต 6.5 เมกะวัตต์ รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่นแห่งที่สองขนาด 10.73 เมกะวัตต์ ซึ่งตอนนี้มีความคืบหน้าตามแผน คาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตในเชิงพาณิชย์ (COD) ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
สำหรับโครงการในส่วนของธุรกิจการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและวัสดุรีไซเคิลอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาและออกแบบทางด้านเทคนิคและขั้นตอนการเตรียมการขอใบอนุญาต บริษัทยังคงดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อสรรหาโครงการลงทุนในธุรกิจที่มีผลตอบแทนที่ดีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอื่น ๆ และมีความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยมุ่งเน้นในธุรกิจพลังงานทดแทน บริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและวัสดุรีไซเคิล รวมถึงการเข้าซื้อกิจการที่น่าสนใจก็อยู่ในการพิจารณาลงทุนของบริษัทเช่นกัน