นายพงษ์ชัย อมตานนท์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น (FORTH) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานช่วงที่เหลือของปีนี้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ (New high) อย่างต่อเนื่องทั้งรายได้และกำไรสุทธิ เนื่องจากบริษัทมีงานใหม่ๆ เข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะมีหลายงานเริ่มประมูลมาตั้งแต่ช่วงต้นไตรมาส 2/60 และรับรู้รายได้เข้ามาค่อนข้างเร็ว อีกทั้งยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจาก บมจ.ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส (FSMART) ที่ FORTH ถือหุ้นสัดส่วน 46% มีผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่องตามจำนวนตู้บุญเติมที่ขยายได้เร็วกว่าแผน และมูลค่าการเติมเงินผ่านตู้สูงขึ้น ทำให้บริษัทได้รับส่วนแบ่งกำไรเข้ามามากขึ้น
ขณะที่บริษัทคาดว่าจะได้รับงานกำไลติดตามนักโทษของกรมคุมประพฤติ มูลค่า 100 ล้านบาทภายในไตรมาส 2/60 นี้ ซึ่งบริษัทมั่นใจว่ามีศักยภาพมากในการเข้ารับงาน อีกทั้งยังมีงานกำไลติดตามนักโทษให้กับหน่วยงานของศาลยุติธรรม และกรมราชทัณฑ์ที่เตรียมเปิดประมูลเพิ่มเติมในช่วงครึ่งปีหลังนี้ด้วย ซึ่งบริษัทพร้อมที่จะเข้าประมูลงานดังกล่าวเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ยังมีงานอื่นๆ ที่บริษัทจะเตรียมเข้าประมูลในช่วงครึ่งปีหลัง มูลค่ารวมประมาณ 2-3 พันล้านบาท โดยเป็นงานจำหน่ายกล้อง CCTV และงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นต้น บริษัทก็คาดหวังที่จะได้งานมากที่สุด ประกอบกับ บริษัทยังมองโอกาสในการรับช่วงงานโครงการอินเตอร์เน็ตหมู่บ้าน เฟส 2 ที่จะมีการเปิดประมูลในช่วงครึ่งปีหลังเช่นเดียวกัน โดยคาดว่าจะมีมูลค่างานราว 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดหวังจะได้เข้าไปจำหน่ายอุปกรณ์ให้กับโครงการดังกล่าว
"ไตรมาสแรกผลการดำเนินงานอาจจะยังไม่ค่อยฟื้นตัว เพระงานใหม่ๆไม่ค่อยมี งานด้านโทรคมนาคมก็ชะลอออกไป ทำให้เรามีการปรับกลยุทธ์ไปที่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ อย่างเช่นตัวกำไลติดตามนักโทษที่เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของเรา ตอนนี้ก็รอผลประมูลจากกรมควบคุมความประพฤติอยู่มูลค่า 100 ล้านบาท เราก็ค่อนข้างมั่นใจจะได้งานนี้มาอย่างแน่นอน และยังมีงานประมูลของศาลและกรมราชทัณฑ์ที่รอประมูลอยู่ ซึ่งก็เป็นโอกาสของเราที่จะเข้าไปคว้างานมา และก็มองว่าผลงานในไตรมาส 2, 3 และ 4 ก็จะทำนิวไฮต่อเนื่อง เพราะตั้งแต่ต้นไตรมาส 2 ก็เห็นว่างานเริ่มเยอะขึ้น และเรามี FSMART ที่ถือหุ้น 46% ผลงานก็ทำนิวไฮเนื่องเข้ามาหนุนตัว FORTH อีก ก็มองว่าทิศทางของบริษัทก็ยังดีอยู่ ส่วนรายได้ก็ยังตามเป้าที่ตั้งไว้ 5.1-5.2 พันล้านบาท"นายพงษ์ชัย กล่าว
นายพงษ์ชัย กล่าวอีกว่า บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมพร้อมเพื่อเริ่มจำหน่ายตู้เติมเงินในประเทศอินโดนีเซียภายในเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรท้องถิ่น โดยเบื้องต้นพันธมิตรคาดหวังจะขยายตู้เติมเงินในอินโดนีเซียถึงสิ้นปีนี้จำนวน 100,000 ตู้ แต่บริษัทคาดว่าคงจะสามารถขายได้มากที่สุดราว 30,000 ตู้ภายในสิ้นปีนี้
ขณะเดียวกัน บริษัทบริษัทยังมองการขยายตู้เติมเงินในประเทศอื่นๆที่สนใจ เช่น เมียนมา ซึ่งมีจำนวนหมายเลขโทรศัพท์เพิ่มมากขึ้น แต่ยังติดปัญหาในแง่ความพร้อมของการติดตั้งตู้เติมเงิน ทำให้บริษัทยังไม่เข้าไปลงทุน ซึ่งหากจะมีการลงทุนจะเป็นการร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่น