BEAUTY เล็งยื่น FDA สหรัฐ Q3/60 หวังขายผ่าน Amazon.com, เตรียมออกผลิตภัณฑ์เฉพาะวางทุกสาขา 7-11 ปลายปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 12, 2017 16:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนรุกขยายช่องทางการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ และอี-คอมเมิร์ซ beautyplazaonline.com อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้บริโภคมีการใช้สื่อในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ช่องทางดังกล่าวจึงเข้าถึงลูกค้าได้หลากหลายกลุ่ม โดยตั้งเป้าหมายสร้างการเติบโตของรายได้ในส่วนนี้อยู่ที่ 60% คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 4% จากสัดส่วนรายได้รวมทั้งหมด

ล่าสุด บริษัทได้เตรียมยื่นขออนุญาตจากองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ในไตรมาส 3/60 เพื่อเสนอขายสินค้าผ่านเว็บไซด์ Amazon.com หลังจากประสบความสำเร็จในการขายสินค้าบนเครือข่าย Alibaba ซึ่งเป็นการขายส่งแบบ Whole sale โดยเฉพาะในตลาดจีน ขณะที่บริษัทจะเร่งทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่องทั้งบน Facebook หลังจากพัฒนาระบบการทำรายการและการชำระเงินมารองรับได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ส่วนการขยายช่องทางการวางขายสินค้าในโมเดิร์นเทรดและร้านค้าปลีก บริษัทมีแผนการขยายสาขาในประเทศ คือ BEAUTY BUFFET 30 สาขา, BEAUTY COTTAGE 15 สาขา, BEAUTY MARKET 5 สาขา จากปัจจุบันมีรวมกัน 332 สาขา ขณะที่ช่องทางจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรด มีสินค้าวางจำหน่ายผ่าน KING POWER จำนวน 7 สาขา จากสาขาของ KING POWER 9 สาขา และวางจำหน่ายร้านสะดวกซื้อ เซเว่น-อีเลฟเว่น (7-11)

นายแพทย์สุวิน กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมพัฒนาผลิตภัณฑ์เฉพาะเพื่อวางขายในทุกสาขาของร้าน 7-11 ที่มีอยู่มากกว่า 9,000 สาขา ซึ่งจะต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าในวงกว้าง และขายในราคาไม่สูงนัก โดยอาจจะเป็นผลิตภัณฑ์บรรจุในซองขนาดเล็ก ประเภทโลชั่น เซรั่มบำรุงผิว เป็นต้น คาดว่าจะเริ่มวางขายได้ในช่วงปลายปีนี้

ปัจจุบัน บริษัทได้เสนอขายสินค้าที่มีอยู่แล้วผ่านแคตตาล็อกของ 7-11 และวางขายบนชั้นวางสินค้าของสาขาร้าน 7-11 ราว 1,100 สาขา จำนวน 15 รายการ (SKU) ซึ่งเตรียมจะเพิ่มอีก 2 SKU ในเร็ว ๆนี้

ส่วนช่องทางการขายผ่านสาขาของ KING POWER ว่า หลังจากทดลองวางขายเมื่อปีที่ผ่านมาพบว่าสินค้าของบริษัทได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวสัญชาติจีน และจากที่บริษัทได้เริ่มวางขายสินค้าอย่างจริงจังในปีนี้พบว่ายอดขายมีแนวโน้มที่ดีมาก โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้มียอดขายแล้วกว่า 46 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ราว 80 ล้านบาท

ด้านตลาดต่างประเทศปีนี้ บริษัทมีแผนขยายสาขา Independent Shop จำนวน 22 สาขา ในกลุ่มประเทศ CLMV 14 สาขา ประกอบด้วย กัมพูชา 2 สาขา ลาว 1 สาขา เมียนมา 1 สาขา เวียดนาม 10 สาขา และในฟิลิปปินส์ 8 สาขา ล่าสุดได้เปิดสาขาแรกที่ศูนย์การค้าอายาลา มอลล์ เดอะ เธอร์ตี้ท์ กรุงมะนิลาเมื่อเดือน เม.ย.60 ที่ผ่านมา ส่งผลให้สิ้นปี 60 จะมี Independent Shop รวม 62 สาขา ขณะที่รูปแบบ Shop in Shop ได้เซ็นสัญญาตัวแทนจำหน่ายใน 3 ประเทศรวม 138 สาขา คือ อินโดนีเซีย 19 สาขา ฮ่องกง 100 สาขา ไต้หวัน 19 สาขา

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/60 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 687.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 529.91 ล้านบาท จำนวน 157.62 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 29.7% และกำไรสุทธิ 199.65 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 129.22 ล้านบาท จำนวน 70.43 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 54.5% และมีอัตราการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิมที่มีอยู่ (SSSG) เป็นบวกถึง 14.38%

ผลประกอบการปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากผลิตภัณฑ์ของทุกแบรนด์ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นอย่างมาก ประกอบกับบริษัทได้มีการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศครบทุกช่องทาง พร้อมทั้งมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆให้ครอบคลุมต่อความต้องการของกลุ่มลูกค้า จึงส่งผลให้ยอดจำหน่ายปรับตัวเพิ่มขึ้น

ส่วนแนวโน้มตลาดเครื่องสำอางในไตรมาส 2 ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ลดลง เนื่องจากเป็นกลุ่มสินค้าที่มีความต้องการซื้อใช้และซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าปีนี้ตลาดเครื่องสำอางจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 9% เชื่อว่าทิศทางธุรกิจในไตรมาส 2/60 จะเติบโตในเกณฑ์ที่ดี จากกลยุทธ์ของบริษัทที่จะขยายช่องทางการจำหน่ายทุกรูปแบบ

และในปีนี้บริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตของยอดขายไว้ที่ไม่ต่ำกว่า 20% หรือมียอดขายราว 3 พันล้านบาท และจะผลักดันยอดขายให้เพิ่มไปสู่ระดับ 4.5 พันล้านบาทภายใน 3 ปีข้างหน้า โดยในปีนี้บริษัทจะเดินหน้าลงทุนทั้งด้านบุคลากร เทคโนโลยี และระบบข้อมูล เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต

"เรายังเน้นการพัฒนาบุคลากร เช่น เพิ่มคนด้าน Oversea รวมทั้งปรับปรุงระบบ Information ต่อจากปีที่แล้ว เพื่อให้ฝ่ายบริหารสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับกลยุทธให้ทันกับสถานการณ์ ทั้งการบริการ การปรับกระบวนการต่าง ๆ การวางสินค้า การออกสินค้า และบริหาร space ในจุดขาย ส่วนการเปิดสาขาใหม่แม้ว่าจะมีการวางเป้าหมาย แต่ก็จะให้ความสำคัญกับทำเลและยอดขายเป็นประเด็นสำคัญ ถ้าเราจะเปิดร้านแล้วต้องมียอดขายที่ดี" นายแพทย์สุวิน กล่าว

นายแพทย์สุวิน กล่าวอีกว่า ในเดือนนี้บริษัทมีแผนจะเดินทางไปให้ข้อมูลกับนักลงทุนสถาบันต่างประเทศในประเทศอังกฤษ สก็อตแลนด์ และเนเธอร์แลนด์ เนื่องจากช่วงที่ผ่านมามีสถาบันทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจเข้ามาขอข้อมูลกับบริษัทค่อนข้างมาก และบริษัทมองว่าการมีสถาบันเข้ามาถือหุ้นจะทำให้บริษัทมีความมั่นคงมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ตนและภรรยายังยืนยันที่จะรักษาสัดส่วนหุ้นในปัจจุบันที่ถืออยู่ประมาณ 25.93% ไม่มีแผนขายหุ้นออกไปอีก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ