บมจ. อินฟอร์เมชั่น แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น เน็ทเวิร์คส (ICN) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 120 ล้านหุ้น โดยจะจัดสรรจำนวน 108,000,000 หุ้นเสนอขายต่อประชาชนทั่วไป และอีกจำนวน 12,000,000 หุ้นจะเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ ซึ่ง ICN มีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) มี บล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
ICN เป็นผู้ให้บริการออกแบบและวางระบบ (System Integrator) ครบวงจร โดยบริษัทสามารถให้บริการออกแบบและวางระบบโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคม (Telecommunication System) ซึ่งเป็นระบบที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ รวมทั้งให้บริการออกแบบและวางระบบงานก่อสร้างและวางระบบไฟฟ้าอื่นๆ (Construction and Electrical Systems) นอกจากนี้ ยังให้บริการหลังการขายแก่ลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการจำหน่ายอุปกรณ์เพื่อใช้ทดแทน (Supply) และการให้บริการบำรุงรักษาโครงข่ายระบบสื่อสารโทรคมนาคม (Maintenance)
ผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 59 มีรายได้รวม 570.96 ล้านบาท ลดลงจากปี 58 ที่มีรายได้ 678.63 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายรวม 534.80 ล้านบาท ลดลงจาก 662.71 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 27.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 5.47 ล้านบาท เนื่องจากอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 4.75% จาก 0.81% ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 59 บริษัทมีสินทรัพย์รวมม 480 ล้านบาท หนี้สินรวม 314.89 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 165.10 ล้านบาท
ณ วันที่ 27 เม.ย.60 บริษัทมีทุนจดทะเบียนจำนวน 225 ล้านบาท และมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 165 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 330 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ภายหลังการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 225 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 450 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท
โครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัท ณ วันที่ 27 เม.ย.60 คือ นายมนชัย มณีไพโรจน์ ถือหุ้น 87,387,904 หุ้น คิดเป็น 26.48% หลังเสนอขาย IPO ครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 19.42%, กลุ่มเลาหสมบูรณ์ ถือหุ้น 57,391,304 หุ้น คิดเป็น 17.39% จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 12.75%, กลุ่มรุ่งเรืองผล ถือหุ้น 57,391,304 หุ้น คิดเป็น 17.39% จะลดสัดส่วนหุ้นลงเหลือ 12.75%
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ในแต่ละปี ภายหลังการหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย